การได้ยินผลวินิจฉัยว่าเป็น “โรคมะเร็ง” อาจทำให้ทั้งผู้ป่วยและครอบครัวรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนทันที สิ่งที่ตามมานอกจากความกังวลเรื่องสุขภาพ ก็คือ “ค่าใช้จ่าย” ที่มักสูงมาก โดยเฉพาะ ค่ายาบางชนิดที่อยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งอาจมีราคาสูงจนเกินกำลังของหลายครอบครัว
เพื่อให้ผู้ป่วยสิทธิข้าราชการและครอบครัวได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง กรมบัญชีกลางจึงได้จัดทำ “โครงการเบิกจ่ายตรงผู้ป่วยโรคมะเร็ง” ขึ้น ตั้งแต่ปี 2561 โดยมีจุดเด่นคือ ไม่ต้องสำรองจ่ายเอง ครอบคลุมยาที่มีราคาสูง และลดภาระค่าใช้จ่าย
โครงการนี้จึงเปรียบเสมือน “เกราะคุ้มกัน” ที่อยู่เคียงข้างผู้ป่วยสิทธิข้าราชการ ให้มีโอกาสเข้าถึงยารักษาที่จำเป็น แม้จะมีราคาสูงก็ตามค่ะแล้วสิทธิมะเร็งสำหรับข้าราชการนี้ ครอบคลุมอะไรบ้าง รายละเอียดเป็นอย่างไร Medicative จะมาเล่าให้ฟังค่ะ
สิทธิครอบคลุมอะไรบ้าง?
โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่การเบิกจ่ายค่ายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติที่มีราคาสูงจำนวน 6 ชนิด ซึ่งใช้ในการรักษามะเร็งที่จำเพาะเจาะจง ดังนี้
- ยา Imatinib: ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง และมะเร็งในทางเดินอาหาร (GIST)
- ยา Rituximab: ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ยา Trastuzumab: ใช้รักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย
- ยา Bevacizumab: ใช้รักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะแพร่กระจาย
- ยา Erlotinib: ใช้รักษามะเร็งปอดระยะแพร่กระจาย (ที่ไม่ตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดกลุ่ม Platinum และ Docetaxel แล้ว)
- ยา Gefitinib: ใช้รักษามะเร็งปอดระยะแพร่กระจาย (ที่ไม่ตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดกลุ่ม Platinum และ Docetaxel แล้ว)
หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ
สถานพยาบาลจะเป็นผู้เบิกค่ายาทั้ง 6 ชนิดนี้โดยตรงกับกรมบัญชีกลาง ผู้ป่วยจึงไม่ต้องนำใบเสร็จค่ายากลุ่มนี้ไปยื่นเบิกที่ต้นสังกัดเอง
ใครใช้สิทธิได้บ้าง?
ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่แพทย์วินิจฉัยว่าจำเป็นต้องใช้ยา 1 ใน 6 ชนิดข้างต้น และเป็น
“ผู้มีสิทธิ” หรือ “บุคคลในครอบครัว” ตามสวัสดิการข้าราชการ สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ทุกคนค่ะ ซึ่งได้แก่:
- ตัวข้าราชการ/ลูกจ้างประจำ/ผู้รับบำนาญ
- บิดาและมารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย
- คู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย
- บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (อายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ และเบิกได้ไม่เกิน 3 คน)
ใช้สิทธิที่ไหนและอย่างไร?
การใช้สิทธิในโครงการนี้จะทำผ่านสถานพยาบาลของทางราชการเท่านั้น โดยมีขั้นตอนดังนี้
- การวินิจฉัยและวางแผนการรักษา: เมื่อแพทย์ตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยา 1 ใน 6 ชนิดนี้ในการรักษา
- สมัครเข้าร่วมโครงการ: แพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ส่งข้อมูลทางการแพทย์ของผู้ป่วยเพื่อสมัครเข้าร่วม “โครงการเบิกจ่ายตรงผู้ป่วยโรคมะเร็ง” ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กับกรมบัญชีกลาง
- รับการรักษา: เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาและรับยาได้ที่สถานพยาบาลของทางราชการที่สมัครไว้
- การเบิกจ่าย: สถานพยาบาลจะบันทึกข้อมูลและเบิกค่ายาชนิดนั้นๆ โดยตรงกับกรมบัญชีกลาง ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเรื่องการสำรองจ่ายค่ายาราคาสูงเหล่านี้เลย
แล้วค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ล่ะ?
สำหรับค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ที่นอกเหนือจากค่ายา 6 ชนิดนี้ เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือยาอื่นๆ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ยังคงสามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงตามปกติได้เหมือนเดิมค่ะ
ระยะเวลาในการใช้สิทธิ
สามารถใช้สิทธิได้ต่อเนื่องตามแผนการรักษาของแพทย์ ตราบใดที่ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้ยาและยังคงสถานะเป็นผู้มีสิทธิตามสวัสดิการข้าราชการ
การเข้าถึงยาที่ดีและจำเป็นคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคมะเร็ง โครงการเบิกจ่ายตรงค่ายานี้จึงเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ช่วยลดภาระอันหนักอึ้ง ให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีกำลังใจและกำลังทรัพย์ในการต่อสู้กับโรคได้อย่างเต็มศักยภาพ นี่คือการดูแลที่รัฐมอบให้เพื่อยืนยันว่าคุณจะไม่ได้เผชิญความท้าทายนี้เพียงลำพังค่ะ
คำถามที่พบบ่อยสิทธิข้าราชการผู้ป่วยโรคมะเร็ง
Q: สิทธิข้าราชการครอบคลุมการฉายแสง (Radiotherapy) รักษามะเร็งหรือไม่?
สิทธิข้าราชการครอบคลุมการรักษาด้วยรังสี (Radiotherapy) โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม หากรักษาในโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนที่อยู่ในเครือข่ายกรมบัญชีกลาง แต่บางโรงพยาบาลเอกชนอาจมีค่าบริการส่วนเกิน ผู้ป่วยควรสอบถามล่วงหน้า
Q: ค่าตรวจ MRI สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เบิกสิทธิข้าราชการได้หรือไม่?
MRI อยู่ในรายการที่สามารถเบิกจ่ายตรงได้ เพราะถือเป็นการตรวจวินิจฉัยที่จำเป็นต่อการรักษามะเร็ง ผู้ป่วยไม่ต้องจ่ายเองหากใช้สิทธิในโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ
Q: สิทธิข้าราชการเบิกค่าตรวจ CT Scan หรือ PET/CT Scan ได้หรือไม่?
CT Scan สามารถเบิกได้ตามเกณฑ์ปกติ แต่ PET/CT Scan มีเงื่อนไขพิเศษ ต้องใช้เพื่อการวินิจฉัยหรือ staging มะเร็งตามข้อบ่งชี้ที่กรมบัญชีกลางกำหนด หากอยู่ในเกณฑ์ก็สามารถเบิกตรงได้
Q: การตรวจ FibroScan สำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับ ใช้สิทธิข้าราชการได้หรือไม่?
FibroScan บางแห่งยังไม่อยู่ในสิทธิครอบคลุมทั้งหมด แต่ถ้าเป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัยภาวะตับแข็งในผู้ป่วยโรคตับหรือมะเร็งตับ แพทย์สามารถทำเรื่องเบิกได้ในโรงพยาบาลของรัฐ ควรตรวจสอบกับโรงพยาบาลก่อนเข้ารับบริการ
Q: สิทธิข้าราชการเบิกค่าผ่าตัดมะเร็งได้เต็มจำนวนหรือไม่?
การผ่าตัดเพื่อรักษามะเร็ง เช่น ผ่าตัดเต้านม ลำไส้ หรือส่องกล้อง เป็นหัตถการที่เบิกได้เต็มสิทธิ หากทำในโรงพยาบาลของรัฐ หรือโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการ ไม่ต้องจ่ายเอง
Q: ค่าคีโม (Chemotherapy) และค่ายาฉีด เบิกสิทธิข้าราชการได้ครบไหม?
การให้ยาเคมีบำบัด (คีโม) อยู่ในสิทธิครอบคลุมแล้ว ผู้ป่วยไม่ต้องจ่ายเอง แต่หากเป็น “ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ” ต้องอยู่ในรายการโครงการเบิกตรงที่กรมบัญชีกลางกำหนดเท่านั้น
Q: สิทธิข้าราชการครอบคลุมการปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone marrow transplant) หรือไม่?
ครอบคลุมค่ะ แต่ต้องทำในโรงพยาบาลของรัฐที่มีศักยภาพและได้รับอนุมัติจากกรมบัญชีกลางก่อน เนื่องจากเป็นหัตถการที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก
Q: สิทธิข้าราชการเบิกยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) ได้หรือไม่?
ได้ค่ะ ยามุ่งเป้าหลายตัว เช่น Imatinib, Trastuzumab, Erlotinib, Gefitinib อยู่ในโครงการเบิกจ่ายตรงแล้ว ผู้ป่วยไม่ต้องสำรองจ่าย แต่จะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ข้อบ่งชี้ที่แพทย์และกรมบัญชีกลางกำหนด เช่น ต้องตรวจยีนหรือโปรตีนเฉพาะก่อนใช้ยา