สำหรับประเทศไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ พาร์กินสันเป็นหนึ่งในโรคความเสื่อมทางระบบประสาทที่พบมากในผู้สูงอายุ ทั้งยังมีอัตราการเกิดเพิ่มสูงที่สุดในกลุ่มโรคความเสื่อมทางระบบประสาทด้วยกัน ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคพาร์กินสันในประเทศไทยเพิ่มสูงมากขึ้นตามสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปก็มีความเสี่ยงโรคนี้แล้ว และมีแนวโน้มที่จะพบผู้ป่วยอายุน้อยลงด้วยเช่นกัน
พาร์กินสันเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติในการทรงตัว ผู้ที่มีอาการมาก จะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองลำบาก มีความจำเป็นต้องมีผู้ดูแล ซึ่งถ้าเป็นแล้วผู้ป่วยอาจเกิดความทุพพลภาพ และส่งผลต่อคุณภาพในการดำเนินชีวิต ซึ่งโรคนี้แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะแรก ก็สามารถวางแผนการรักษาและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่การการวินิจฉัยโรคพาร์กินสันในระยะเริ่มต้นยังคงทำได้ยาก เพราะอาการที่แสดงออกมายังไม่มาก และมีระยะดำเนินโรคนานถึง 10-20 ปี โดยอาการที่ชัดเจน คือ อาการสั่น ส่วนอาการเตือนอื่น ๆ เช่น อาการท้องผูกเรื้อรัง อาการนอนละเมอ ออกท่าทาง หรือออกเสียงที่สัมพันธ์กับเนื้อหาความฝัน ฯลฯ มักถูกมองว่าไม่ใช่อาการผิดปกติ ทำให้ผู้ที่เป็นโรคดังกล่าวไม่คิดว่าตนเองเป็น จึงไม่ได้พบแพทย์และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
อีกทั้งการขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางระบบประสาท ทำให้เข้าถึงผู้ป่วยเพื่อตรวจวินิจฉัย และการรักษาในบางพื้นที่ได้ยาก ซึ่งกว่าจะพบผู้ป่วยก็มีอาการของโรคที่ค่อนข้างมาก หรือระยะกลาง ทำให้รักษาค่อนข้างยาก และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง
รพ.จุฬาฯ ร่วมกับสภากาชาดไทย จึงนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหา ให้คนทั่วไปเข้าถึงการตรวจคัดกรองได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกทั้งยังเป็นการร่วมสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมลงพื้นที่คัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงโรคพาร์กินสันทั่วประเทศ และส่งต่อระบบสาธารณสุขเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
สามารถดาวน์โหลดแอปได้ที่ Apple Store และ Google Play
คลิปเปิดตัว CHECKPD เช็คพาร์กินสันง่าย ๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=SRM-Ia0XA30
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.chula.ac.th/news/211824/