โรคไตเรื้อรัง คือ ภาวะที่ไตค่อยๆ สูญเสียความสามารถในการกรองของเสียอย่างช้า ๆ จนเข้าสู่ระยะสุดท้าย ที่ต้องพึ่งการบำบัดทดแทนไต ได้แก่ การฟอกเลือด ล้างไต และปลูกถ่ายไต ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
แต่ผู้ประกันตนไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป เพราะประกันสังคมมอบสิทธิประโยชน์การบำบัดทดแทนไตสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้ายครบทุกรูปแบบ ทั้งการฟอกเลือด การล้างช่องท้อง ไปจนถึงการปลูกถ่ายไต
ไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ
สิทธิการรักษาโรคไตเรื้อรัง ครอบคลุมบริการอะไรบ้าง และมีเงื่อนไขอย่างไร?
ประกันสังคมให้ความคุ้มครองผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังทุกระยะ โดยในระยะ 1-4 จะเป็นการรักษาตามอาการ เพื่อชะลอไม่ให้เข้าสู่ระยะสุดท้าย
แต่หากผู้ป่วยมีผลตรวจที่เกี่ยวข้อง และได้รับการวิจิจฉัยจากแพทย์แล้วว่าเข้าสู่ไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ผู้ประกันตน จะได้รับสิทธิบำบัดทดแทนไต โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis: HD)
- ฟอกเลือดสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
- ค่าฟอกเลือด: เบิกได้ไม่เกิน 1,500 บาท/ครั้ง และไม่เกิน 4,500 บาท/สัปดาห์ (แต่หากเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี สามารถเบิกได้ไม่เกิน 4,000 บาท/ครั้ง และไม่เกิน 12,000/สัปดาห์)
- ค่าเตรียมหลอดเลือด หรือสายสวนหลอดเลือดสำหรับฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขึ้นอยู่กับรายการและเวชภัณฑ์ที่ใช้ ในอัตราที่กำหนด (กรุณาตรวจสอบกับแต่ละรพ.โดยตรง)
- ต้องเข้ารับบริการในสถานพยาบาลที่อยู่ในระบบประกันสังคมเท่านั้น
2. การล้างไตทางช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร (CAPD)
- ค่าล้างไต: เบิกได้ไม่เกิน 20,000 บาท/เดือน ยกเว้นเดือนแรกและเดือนสุดท้ายของการล้างไตทางช่องท้อง เบิกได้ไม่เกิน 750 บาท/วัน โดยครอบคลุมรายการดังนี้
- ค่าตรวจรักษา
- ค่าน้ำยาล้างช่องท้องพร้อมอุปกรณ์
- ค่าวางท่อรับส่งน้ำยาเข้าออกช่องท้องพร้อมอุปกรณ์: เบิกได้ไม่เกิน 20,000/2 ปี
- กรณีจำเป็นต้องทำการวางท่อรับส่งน้ำยาใหม่: เบิกเพิ่มได้อีก 10,000 บาท หากเข้าเกณฑ์ทางการแพทย์และได้รับอนุมัติ
- ได้รับการตรวจและติดตามจากแพทย์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
3. การล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องล้างไตอัตโนมัติ (APD)
- ต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ว่ามีความพร้อมในการใช้เครื่องล้างอัตโนมัติ และไม่มีข้อห้ามในการใช้เครื่องล้างไตอัตโนมัติ
- ค่าล้างไต: เบิกได้ไม่เกิน 32,700 บาท/เดือน ยกเว้นเดือนแรกและเดือนสุดท้ายของการล้างไตทางช่องท้อง เบิกได้ไม่เกิน 1,000 บาท/วัน โดยครอบคลุมรายการดังนี้
- ค่าตรวจรักษา
- เครื่องล้างไตอัตโนมัติ น้ำยา และอุปกรณ์ใช้งานร่วม
- บริการติดตั้งที่บ้านเพื่อให้พร้อมใช้งาน โดยเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งการสอนโดยพยาบาล
- บริการจัดส่งน้ำยาถึงบ้านเดือนละ 1 ครั้ง
- บริการให้คำปรึกษาผ่าน Call center 24 ชั่วโมง
- ค่าวางท่อรับส่งน้ำยาเข้าออกช่องท้องพร้อมอุปกรณ์: เบิกได้ไม่เกิน 20,000/2 ปี
- กรณีจำเป็นต้องทำการวางท่อรับส่งน้ำยาใหม่: เบิกเพิ่มได้อีก 10,000 บาท หากเข้าเกณฑ์ทางการแพทย์และได้รับอนุมัติ
4. การปลูกถ่ายไต
- ต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าจากสำนักงานประกันสังคม
- ดำเนินการในสถานพยาบาลที่ทำข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคมเท่านั้น
- ครอบคลุมตั้งแต่ค่าตรวจผู้บริจาค และผู้รับบริจาค ค่าผ่าตัดปลูกถ่ายไต ค่ายากดภูมิ รวมถึงค่าติดตามผลภายหลัง รวมถึงการดูแลหากเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยมีวงเงินในส่วนต่างๆ ตามอัตราที่กำหนด (กรุณาตรวจสอบกับรพ.ที่เข้ารับการรักษาโดยตรง)
5. ยาอิริโธรปัวอิติน (Erythropoietin) สำหรับผู้ป่วยโลหิตจางจากไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
- ต้องได้รับการอนุมัติให้เข้ารับการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไตก่อน
- ต้องมีค่าระดับความเข้มข้นของโลหิต (Hct) น้อยกว่า 39% โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ดังนี้
- กรณี Hct ≤ 36%: เบิกได้ไม่เกิน 1,125 บาท/สัปดาห์ หรือไม่เกิน 2,250 บาท/ 2 สัปดาห์ หรือไม่เกิน 4,500 บาท/เดือน
- กรณี Hct ตั้งแต่ 36-39%: เบิกได้ ไม่เกิน 750 บาท/สัปดาห์ หรือไม่เกิน 1,050 บาท/2 สัปดาห์ หรือไม่เกิน 3,000 บาท/เดือน
ใครใช้สิทธิได้บ้าง?
- ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39
- ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยตรวจจากหลักเกณฑ์ 3 ข้อ ดังนี้
- มีประวัติเป็นโรคไตเรื้อรัง
- ระดับอัตราการกรองของเสียของไต (Glomerular Filtration Rate: eGFR) หรือ ผลเลือดค่า BUN
- ขนาดของไตทั้งสองข้าง
ใช้สิทธิได้ที่ไหน และมีขั้นตอนการใช้สิทธิอย่างไร?
1. ตรวจสอบสถานพยาบาลที่ใช้สิทธิได้
- ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานพยาบาลตามสิทธิ เช็คได้ที่เว็บไซต์เช็คสิทธิของสปสช
- หากต้องการเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลอื่นที่ทำข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคม ให้ติดต่อสอบถามที่สถานพยาบาลตามสิทธิก่อนเสมอ หรือติดต่อสายด่วน 1506 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
2. เตรียมเอกสารและยื่นขออนุมัติ
เตรียมแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-18) พร้อมแนบเอกสารประกอบ ดังนี้
หนังสือรับรองจากอายุรแพทย์โรคไต ที่ยืนยันภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย พร้อมสำเนาผลการตรวจต่าง ๆ ตามเกณฑ์ที่กำหนด
กรณีที่ใช้สิทธิรักษาต่อเนื่องจากสิทธิอื่น เช่น สิทธิบัตรทอง หรือสิทธิข้าราชการ ให้แนบหลักฐานหนังสือรับรองการได้รับสิทธินั้น
ใบรับรองแพทย์
เอกสารยืนยันตัวตน แบ่งเป็น
ผู้ประกันตนสัญชาติไทย: สำเนาบัตรประชาชน
ผู้ประกันตนต่างชาติ: สำเนาพาสปอร์ต หนังสือสำคัญประตัวคนต่างด้าว และใบอนุญาตการทำงาน
ยื่นขออนุมัติ ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ของผู้ประกันตน
ยกเว้นกรณีการขออนุมัติฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม สามารถยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยยื่นผ่านสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม
2. รอการอนุมัติจากคณะกรรมการการแพทย์
- การพิจารณาขึ้นอยู่กับหลักฐานที่แนบคำขอ และความเหมาะสมทางการแพทย์
3. เข้ารับบริการ
- เข้ารับบริการหรือเบิกสิทธิประโยชน์คืนตามสิทธิที่ได้รับอนุมัติ
- กรณีที่ได้รับการอนุมัติให้รักษาด้วยการฟอกเลือด หรือล้างไตแล้ว สามารถขอรับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไตต่อไปได้เลย ไม่ต้องขออนุมัติใหม่
ระยะเวลาการใช้สิทธิ?
สามารถใช้สิทธิได้ทันทีที่ผ่านการตรวจวินิจฉัยและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการการแพทย์