เคยไหมคะ? เวลาไม่สบายแล้วใจหายแวบ กังวลว่าถ้าไม่มีประกันสังคมหรือไม่ได้เป็นข้าราชการ แล้วใครจะช่วยจ่ายค่ารักษาให้… ความกังวลนี้จะหมดไปถ้าคุณได้รู้จักกับ “สิทธิบัตรทอง” The Medicative จะมาเล่าให้ฟังแบบจับมือทำ ให้คุณเข้าใจสิทธิพื้นฐานที่ทรงพลังนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ
สิทธิบัตรทอง หรือสิทธิ 30 บาท คืออะไร?
สิทธิบัตรทอง คือ สิทธิการรักษาที่คนไทยทุกคนต้องได้รับตั้งแต่เกิด (เพียงคุณมีบัตรประชน 13 หลัก) โดยทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ออกให้คนไทยทุกคนได้มีสิทธิรักษาฟรี เว้นแต่ว่าคุณจะมีสิทธิอื่น ๆ อยู่แล้ว เช่น สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิข้าราชการ เป็นต้น
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคุ้นหูกันหลายชื่อทั้ง สิทธิบัตรทอง , สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือชื่อเต็มก็คือ สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งทั้ง 3 ชื่อนี้คือสิทธิเดียวกันทั้งหมด
ปัจจุบันมีคนไทยกว่า 47 ล้านคน อยู่ในระบบสิทธิบัตรทอง ใช้บริการปีละกว่า 170 ล้านครั้งสำหรับผู้ป่วยนอก และ 6 ล้านครั้งสำหรับผู้ป่วยใน ถือเป็นสิทธิที่มีคนใช้มากที่สุดในประเทศ
แต่รู้หรือไม่ว่าจากผลสำรวจ Thailand Healthcare 2025 โดย สปสช. พบว่า แม้คนไทยจะรู้จักสิทธิบัตรทองมากถึง 93.3% แต่กลับพบว่า รายละเอียดสิทธิที่สำคัญหลายอย่างยังมีคนน้อยกว่า 50% ที่รู้จัก เช่น
- มีเพียง 46.5% รู้ว่าผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงมีสิทธิรับการดูแลที่บ้าน
- มีเพียง 44.5% รู้ว่าฉุกเฉินเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาล
- มีเพียง 44% รู้ว่าสิทธิผู้ป่วยมะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ในระบบ
- มีเพียง 42% รู้ว่าสิทธิผู้สูงอายุ/ผู้พิการได้รับผ้าอ้อมหรือแผ่นรองซับ
รวมถึงคำถามเรื่องของการใช้สิทธิ การใช้ใบส่งตัว สถานที่ที่ใช้สิทธิได้นั้นยังคงมีคำถามจากประชาชนอยู่ตลอดเวลา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทาง The Medicative อยากผลักดันเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงสิทธิการรักษาที่ตัวเองควรได้รับอย่างแท้จริง
สิทธิบัตรทองครอบคลุมการรักษาอะไรบ้าง?
สิทธิบัตรทอง ครอบคลุมการรักษาพยาบาลและบริการด้านสุขภาพที่หลากหลาย โดยสามารถสรุปเป็นรายการหลักๆ ได้ดังนี้
1. การรักษาพยาบาลทั่วไป
- เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ เช่น เวียนศีรษะ ปวดหัว ปวดข้อ ปวดฟัน และอื่นๆ สามารถปรึกษาและรับยาที่ร้านยาคุณภาพได้ฟรี ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล
- อาการป่วย 42 กลุ่มโรค เช่น อาการท้องร่วง เนื้อเยื่ออักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ ตากุ้งยิงและ อื่น ๆ สามารถพบแพทย์ออนไลน์ได้ฟรี และรับยาที่บ้านหรือร้านยาใกล้บ้านได้ โดยเลือกการหาหมอออนไลน์ได้ผ่าน แอปฯ หมอดี , แอปฯ Clicknic , แอปฯ Saluber MD Thailand , Totale Telemed และ ตู้ห่วงใย
**อ่านเรื่อง “สิทธิบัตรทอง” เพิ่มเติมว่าครอบคลุมอะไรบ้าง คลิก
2. การรักษาโรคเรื้อรัง ค่าใช้จ่ายสูง
การรักษาโรคเรื้อรังของสิทธิบัตรทองครอบคลุม หลายกลุ่มโรค ไม่ว่าจะเป็น มะเร็ง ผ่าตัดสมอง โรคปอดระยะสุดท้าย โรคหลอดเลือดสมอง แตก/ตีบ/ตัน เป็นต้น โดยจะครอบคลุมตั้งแต่
- การตรวจวินิจฉัย
- เวชภัณฑ์
- ยา
- อวัยวะเทียม
- อุปกรณ์ทางการแพทย์
รายการโรคค่าใช้จ่ายสูงที่ครอบคลุม
2.1 โรคเรื้อรังที่พบบ่อย และรายละเอียดการรักษา และโครงการของ สปสช
- โรคมะเร็ง ภายใต้นโยบาย “Cancer Anywhere” หรือ “มะเร็งรักษาได้ทุกที่” สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการวินิจฉัยแล้ว ไม่ต้องมีใบส่งตัว ครอบคลุม 7 รายการ ได้แก่
- ค่ายาเคมีบำบัด/ฮอร์โมน
- ค่ารังสีรักษา
- ค่าตรวจห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ที่เกี่ยวกับการใช้ยา จ(2)
- การรักษาโรคแทรกซ้อนจากการรักษามะเร็ง
- การตรวจยืนยันการวินิจฉัย/การประเมินระยะโรค/การประเมินการรักษา
- โรคร่วมอื่นๆ ในช่วงที่รักษามะเร็ง
- การติดตามหลังการรักษามะเร็ง
- โรคไตเรื้อรัง ดูแลครอบคลุมตั้งแต่ “ระยะแรก” จนถึง “ระยะสุดท้าย”
- โรคไตเรื้อรังระยะ 1-4: ครอบคลุมการรักษาทั่วไป เช่น ตรวจคัดกรองการทำงานของไต และค่ายา และค่ารักษาที่จำเป็นตามอาการ
- โรคไตเรื้อรังระยะที่ 5: สามารถเลือกการรักษาได้ทั้งหมด 3 แนวทาง ได้แก่
- การฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม
- การล้างไตทางช่องท้อง
- การปลูกถ่ายไต
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ สามารถรับการคุ้มครอง ตรวจวินิจฉัย รักษา ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ บริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพ และยังมีโครงการ Stroke fast track ซึ่งเป็นระบบช่องทางเร่งด่วน เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา ลดภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต
- การฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke หลังออกจากโรงพยาบาล หากผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นจนได้รับการประเมินว่าเป็นผู้ป่วยระยะกลาง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สามารถรับบริการบำบัดฟื้นฟูได้ถึงบ้าน หรือคลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่มีสัญญาณเตือนอันตรา เช่น จุกแน่นหน้าอก ปวดร้าวไปกราม สะบักหลัง แขนซ้าย แน่นจุดเสียดใต้ลิ้นปี่ เหนื่อย ใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่ทัน เป็นต้น จะได้รับการรักษาในสิทธิภาวะฉุกเฉินทันที อาการ
3. บริการพิเศษและนโยบายใหม่
- การแพทย์ทางไกล (Telemedicine): บริการปรึกษาแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ผ่านแอป หมอดี , Clicknic , Saluber MD Thailand , Totale Telemed
- เจ็บป่วยเล็กน้อยปรึกษาและรับยาที่ร้านยา: ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยสามารถรับการปรึกษาและรับยาได้ที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช็คร้านยาที่เข้าร่วมใกล้บ้านได้ที่ เว็บไซต์สปสช แอปฯทางรัฐ
- ตู้ห่วงใย: โครงการนำร่องในบางพื้นที่ที่ให้ผู้ป่วยรับยาตามที่แพทย์สั่งผ่านตู้ได้ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล เช็คจุดบริการ ตู้ห่วงใยใกล้บ้าน
- การรักษาครอบคลุมทุกพื้นที่ (30 บาทรักษาทุกที่): สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลนอกเขตตามสิทธิ์ได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัวในหลายกรณี
- ทันตกรรม: ครอบคลุมบริการพื้นฐาน เช่น การขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน และการใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้สำหรับผู้สูงอายุ
- บริการกายอุปกรณ์: ครอบคลุมการจัดหากายอุปกรณ์สำหรับผู้พิการ เช่น ขาเทียม แขนเทียม
- บริการด้านสุขภาพจิต: ครอบคลุมบริการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า
- ผ้าอ้อมผู้ใหญ่สำหรับผู้ป่วยติดเตียง: มีการสนับสนุนผ้าอ้อมผู้ใหญ่สำหรับผู้ป่วยติดเตียงตามเกณฑ์ที่กำหนด
4. บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
- การฉีดวัคซีน: เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (สำหรับกลุ่มเสี่ยง)
- การตรวจคัดกรองโรค: เช่น การตรวจคัดกรองเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่
สามารถเช็คสิทธิ ฉัดวัคซีน และตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ได้ที่ แอปฯเป๋าตังสุขภาพ
- การดูแลสตรีตั้งครรภ์: ครอบคลุมการฝากครรภ์ การคลอดบุตร และการดูแลหลังคลอด
- กายภาพบำบัด 4 กลุ่มโรค: เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย (รับบริการได้ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่เข้าร่วมโครงการ)
สิทธิบัตรทองไม่ครอบคลุมอะไรบ้าง?
แม้จะเป็นสิทธิที่ดูแลครอบคลุมหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดที่ไม่ครอบคลุม ดังนี้
- บริการเพื่อความสวยงาม เช่น ศัลยกรรมตกแต่ง เสริมความงาม เว้นแต่แพทย์วินิจฉัยว่าจำเป็นตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
- บริการที่เกินข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น การตรวจหรือรักษาที่ซ้ำซ้อนเกินความจำเป็น, การขอเจาะเลือดหลายครั้งโดยไม่มีเหตุผลทางคลินิก
- การรักษาที่ยังอยู่ระหว่างการทดลอง / ค้นคว้า เช่น การรักษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก สปสช. หรือคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
- การปลูกถ่ายอวัยวะบางชนิด หากยังไม่อยู่ในบัญชีสิทธิประโยชน์ที่ประกาศใช้ ไม่สามารถเบิกได้
- บริการนอกหน่วยบริการประจำ (เว้นแต่กรณีฉุกเฉินหรือมีใบส่งตัว) เช่น ไปโรงพยาบาลอื่นโดยไม่มีใบส่งตัวและไม่ใช่เคสฉุกเฉิน จะไม่สามารถใช้สิทธิได้ตามปกติ
- บริการในสถานพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้เข้าร่วมระบบ สปสช. เช่น คลินิกเอกชนทั่วไปที่ไม่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. จะไม่สามารถรับสิทธิได้แม้จะยื่นบัตรประชาชน
สิทธิบัตรทองใช้ได้ที่ไหนบ้าง
สิทธิบัตรทองสามารถใช้ได้ในหลายหน่วยบริการสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐ คลินิกอบอุ่น ไปจนถึงโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ หน่วยบริการแต่ละระดับมีบทบาทต่างกันไป ดังนี้ค่ะ
**ค้นหาโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ คลิก
**ค้นหาหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ คลิก
**ค้นหาจุดบริการตู้ห่วงใย คลิก
1. โรงพยาบาลของรัฐทุกระดับ
- โรงพยาบาลชุมชน (รพช.)
- โรงพยาบาลจังหวัด
- โรงพยาบาลศูนย์ / โรงพยาบาลทั่วไป
2. คลินิกอบอุ่นและหน่วยบริการปฐมภูมิ (PCU / รพ.สต.)
- ตรวจโรคทั่วไป เช่น ไข้หวัด ความดัน เบาหวาน
- บริการวัคซีน ฝากครรภ์ วางแผนครอบครัว
- ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง
3. โรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับ สปสช.
- มีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
- ส่วนใหญ่ให้บริการผู้ป่วยนอก และบางแห่งครอบคลุมบริการผู้ป่วยใน
- ตัวอย่าง เช่น รพ.บางนา 1, รพ.ไอเอ็มเอช สีลม, รพ.เพชรเวช (กทม.)
4. ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ
- ผู้ป่วยเจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น ไข้หวัด ท้องเสีย ผื่นคัน → สามารถรับการปรึกษาและรับยาที่ร้านยาได้เลย โดยใช้เพียงบัตรประชาชน
- ลดความแออัดในโรงพยาบาล เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการรอคิวนาน
5. โครงการ Telemedicine (การแพทย์ทางไกล)
- ใช้สิทธิบัตรทองปรึกษาแพทย์ผ่านออนไลน์ได้
- เหมาะกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่แค่รับยา หรือต้องติดตามอาการ
6. ตู้ห่วงใย (บางพื้นที่)
- ผู้ป่วยสามารถรับยาตามใบสั่งแพทย์ผ่านตู้รับยาอัตโนมัติ
- ลดการรอคิวและความแออัดในโรงพยาบาล