สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์
ทีมงาน The Medicative | ติดต่อเรา
สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์

คำแนะนำ: เริ่มค้นหาด้วยคำง่าย ๆ เช่น 

สิทธิบัตรทอง

โรคไตมีกี่ระยะ? (CKD Stage 1–5) เข้าใจให้ชัดก่อนสายเกินไป พร้อมแนวทางดูแล

Share
โรคไตมีกี่ระยะ? (CKD Stage 1–5)

Table of Contents

โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) คือภาวะที่ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสีย ควบคุมสมดุลเกลือแร่และน้ำในร่างกายอย่างต่อเนื่องเกิน 3 เดือน หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังที่ต้องพึ่งการล้างไตหรือปลูกถ่ายไต

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจว่า “โรคไตมีกี่ระยะ” อย่างละเอียด พร้อมแนวทางการดูแลในแต่ละระยะ เพื่อป้องกันโรคลุกลาม และใช้สิทธิการรักษาได้อย่างเหมาะสม

โรคไตมีกี่ระยะ?

ตามแนวทางของ KDIGO (Kidney Disease: Improving Global Outcomes) โรคไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ โดยพิจารณาจากค่าการกรองของไตหรือ GFR (Glomerular Filtration Rate)

ทำความเข้าใจค่า GFR: ตัวชี้วัดสำคัญของโรคไต

ค่า GFR เป็นค่าประมาณการทำงานของไต คำนวณจากครีเอตินินในเลือด ร่วมกับอายุ เพศ และน้ำหนัก โดยใช้สูตร eGFR

  • GFR สูงกว่า 90 ถือว่าปกติ
  • หาก GFR ต่ำกว่า 60 ติดต่อกันเกิน 3 เดือน อาจเข้าข่ายโรคไตเรื้อรัง
  • GFR ต่ำลงตามลำดับหมายถึงไตเสื่อมลงเรื่อย ๆ
5 ระยะของโรคไตเรื้อรัง

CKD Stage 1 – ระยะเริ่มต้น (ค่า GFR ≥ 90 ml/min)

ในระยะนี้ ไตยังคงสามารถกรองของเสียได้ตามปกติ แต่ตรวจพบสัญญาณของความผิดปกติในเนื้อเยื่อไตหรือหน้าที่ของไต เช่น

  • ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ (proteinuria)

  • ตรวจปัสสาวะพบโปรตีนชนิดไมโครอัลบูมิน (microalbuminuria)

  • พบโครงสร้างไตผิดปกติจากภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น ถุงน้ำ หรือพังผืด

  • มีประวัติเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคภูมิคุ้มกันทำลายไต

อาการ:
ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าเริ่มมีความผิดปกติของไต

แนวทางการดูแล:

  • ควบคุมโรคประจำตัวร่วม เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูงให้อยู่ในเกณฑ์

  • ลดการบริโภคอาหารเค็มหรือโซเดียมสูง

  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน (เว้นแต่มีข้อจำกัดจากแพทย์)

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs ที่มีผลกระทบต่อไต เช่น ibuprofen, diclofenac

  • ตรวจติดตามการทำงานของไตเป็นระยะ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

CKD Stage 2 – ระยะเริ่มมีความผิดปกติ (ค่า GFR 60–89 ml/min)

การทำงานของไตเริ่มลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงมีการกรองของเสียได้เกือบปกติ มักพบร่วมกับความผิดปกติในโครงสร้างหรือหน้าที่ของไตเช่นเดียวกับระยะที่ 1

อาการ:
ยังไม่มีอาการเฉพาะเจาะจง อาจเริ่มรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติในบางราย

แนวทางการดูแล:

  • ตรวจสุขภาพประจำปี และติดตามผลเลือดและปัสสาวะทุก 6 เดือนหรือตามดุลยพินิจของแพทย์

  • ควบคุมระดับน้ำตาล ความดัน และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์

  • ปรับพฤติกรรมการกิน เช่น ลดโซเดียม ลดน้ำตาล และลดไขมันอิ่มตัว

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาสมุนไพรหรืออาหารเสริมที่ไม่ผ่าน อย. เพราะอาจมีผลต่อไต

  • งดการสูบบุหรี่ และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ

หมายเหตุ:
หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมในระยะที่ 1–2 ผู้ป่วยสามารถชะลอโรคไม่ให้เข้าสู่ระยะลุกลามได้

CKD Stage 3 – ระยะปานกลาง (ค่า GFR 30–59 ml/min)

เป็นระยะที่เริ่มแสดงผลกระทบต่อร่างกายมากขึ้น เพราะไตไม่สามารถกรองของเสียได้เต็มประสิทธิภาพ แบ่งย่อยออกเป็น 2 กลุ่มย่อย ได้แก่

  • Stage 3a: ค่า GFR ระหว่าง 45–59

  • Stage 3b: ค่า GFR ระหว่าง 30–44

อาการ:

  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย แม้พักผ่อนเพียงพอ

  • บวมบริเวณขา ใบหน้า หรือรอบดวงตา โดยเฉพาะช่วงเช้า

  • ปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีฟอง สีเข้ม หรือปริมาณลดลง

  • ซีดจากภาวะโลหิตจาง เนื่องจากไตผลิตฮอร์โมนอีริโทรพอยอีตินลดลง

แนวทางการดูแล:

  • พบแพทย์เฉพาะทางโรคไตเป็นประจำ เพื่อติดตามและประเมินค่าการทำงานของไตและอิเล็กโทรไลต์ในเลือด

  • ควบคุมภาวะแทรกซ้อน เช่น ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์

  • จำกัดโปรตีนและโซเดียมในอาหาร โดยปรึกษานักกำหนดอาหาร

  • ปรับยาและการรักษาโรคร่วมให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยต่อไต

  • วางแผนการดูแลระยะยาว และพิจารณาทางเลือกในการรักษาหากโรคเข้าสู่ระยะที่ 4

CKD Stage 4 – ระยะรุนแรง (ค่า GFR 15–29 ml/min)

การทำงานของไตลดลงอย่างมาก ส่งผลต่อสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย ระบบกรด-ด่าง และของเสียในเลือดอย่างชัดเจน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง จะเข้าสู่ระยะไตวายเร็วขึ้น

อาการ:

  • คลื่นไส้ เบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง

  • ผิวแห้ง คันตามร่างกาย

  • ความดันโลหิตควบคุมยากขึ้น

  • นอนหลับไม่สนิท หรือตื่นบ่อยกลางดึก

  • อาจมีอาการทางประสาท เช่น สมาธิสั้น หรือความจำลดลง

แนวทางการดูแล:

  • เข้ารับการรักษาและติดตามอาการกับแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิด

  • ปรับยารักษาให้เหมาะสม โดยเฉพาะยาความดัน ยาขับปัสสาวะ และยาควบคุมแร่ธาตุ

  • ควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเรื่องโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และโปรตีน

  • เริ่มวางแผนการล้างไต (Hemodialysis หรือ CAPD) หรือการปลูกถ่ายไตในอนาคต

พิจารณาการเตรียมเส้นเลือดหรือท่อสำหรับการฟอกไตล่วงหน้า

Stage 5 – ไตวายเรื้อรัง ไตทำงานไม่ไหวแล้ว!

CKD Stage 5 – ระยะไตวายเรื้อรัง (ค่า GFR < 15 ml/min)

เป็นระยะสุดท้ายของโรคไตเรื้อรัง ซึ่งไตไม่สามารถทำหน้าที่กรองของเสียหรือควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกายได้อีกต่อไป จำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไตอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อคงชีวิตไว้

อาการ:

  • อ่อนเพลียมาก แม้ไม่ได้ออกแรง

  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง

  • บวมทั้งตัวจากภาวะคั่งน้ำ

  • หายใจลำบาก โดยเฉพาะตอนนอนราบ

  • ความดันโลหิตผันผวน หรือมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • ภาวะโพแทสเซียมสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้น

แนวทางการรักษา:

  • ฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) โดยทำที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง

  • ล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง (CAPD) ซึ่งผู้ป่วยสามารถทำเองที่บ้าน

  • ปลูกถ่ายไต (Kidney Transplant) ในผู้ป่วยที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

แนวโน้มการมีชีวิตอยู่:
จากข้อมูลของโรงพยาบาลพระรามเก้า ผู้ป่วยที่ได้รับการล้างไตหรือปลูกถ่ายไตตามแนวทางการรักษา มีโอกาสมีชีวิตอยู่ได้นานหลายปี และสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ แต่หากไม่เข้ารับการรักษา ผู้ป่วยอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียง 6 เดือน–1 ปีเท่านั้น

เปรียบเทียบสรุป CKD Stage 1–5

ระยะของโรคไต ค่า GFR (ml/min) ลักษณะสำคัญ อาการ การรักษา
Stage 1
≥ 90
ผิดปกติไตแต่ GFR ปกติ
ไม่มีอาการ
ปรับพฤติกรรม
Stage 2
60–89
เริ่มเสื่อมเล็กน้อย
ยังไม่แสดงอาการ
ควบคุมโรคร่วม
Stage 3
30–59
ควบคุมอาหาร วางแผนรักษา
เหนื่อย ซีด บวม
เสื่อมปานกลาง
Stage 4
15–29
เสื่อมรุนแรง
อาการชัดเจน
วางแผนล้างไต
Stage 5
< 15
ไตวายเรื้อรัง
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
ล้างไต/ปลูกถ่าย

สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโรคไต

  • ปัสสาวะบ่อยหรือผิดปกติ (มีฟอง, สีคล้ำ, ปริมาณมาก/น้อยเกินไป)

  • บวมที่ขา หน้า หรือรอบตา

  • เหนื่อยง่าย แม้นอนพักเพียงพอ

  • ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง

  • มีโรคเบาหวาน หรือประวัติครอบครัวเป็นโรคไต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “โรคไต”

Q1 : โรคไตเรื้อรังรักษาหายไหม?

โรคไตเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถชะลอการเสื่อมของไตได้ หากควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และรักษาโรคร่วมให้ดี

Q2 : ไตวายต้องล้างไตทันทีหรือไม่?

ไม่จำเป็นต้องล้างไตทันทีในทุกกรณี แพทย์จะพิจารณาจากระดับอาการและค่า GFR รวมถึงความพร้อมของร่างกาย

Q3 : ถ้าเป็นโรคไตระยะที่ 3 ต้องล้างไตหรือยัง?

ไม่จำเป็นค่ะ โรคไตระยะที่ 3 ยังถือว่าอยู่ในช่วงกลาง สามารถควบคุมและชะลอความเสื่อมได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน ยา และตรวจติดตามกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ การล้างไตจะพิจารณาในระยะที่ 5 เป็นหลัก

Q4 : ถ้าไม่มีอาการ จำเป็นต้องตรวจค่าการทำงานของไตหรือไม่?

ควรตรวจค่ะ โดยเฉพาะหากคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีประวัติโรคไตในครอบครัว เพราะโรคไตมักไม่แสดงอาการจนเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว

Q5 : ค่า GFR ตรวจได้จากอะไร?

ค่า GFR คำนวณจากผลเลือด (ค่าครีเอตินิน), อายุ, เพศ และน้ำหนักของผู้ป่วย

Q6 : ค่า GFR ที่ต่ำแปลว่าต้องล้างไตทันทีหรือเปล่า?

ไม่เสมอไปค่ะ แพทย์จะดูทั้งค่า GFR ร่วมกับอาการ เช่น บวม เหนื่อย แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย และค่าผลเลือดอื่นๆ หากยังไม่มีอาการรุนแรง อาจยังไม่ต้องล้างไตทันที

Q7 : ผู้สูงอายุมี GFR ต่ำ ต้องกังวลหรือไม่?

ในผู้สูงอายุ GFR อาจลดลงตามอายุอย่างช้าๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องกังวลมากถ้าไม่มีโปรตีนรั่วหรือความผิดปกติอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ควรพบแพทย์เพื่อติดตามต่อเนื่อง

Q8 : มีอาหารหรือสมุนไพรอะไรที่ช่วยฟื้นฟูไตได้ไหม?

ปัจจุบันยังไม่มีสมุนไพรใดที่สามารถฟื้นฟูการทำงานของไตที่เสื่อมแล้วได้จริง ควรเน้นการกินอาหารที่เหมาะสม ลดเค็ม ลดโปรตีน หลีกเลี่ยงสมุนไพรหรือยาสมุนไพรที่ไม่ผ่าน อย. เพราะอาจทำให้ไตแย่ลง

สรุปเข้าใจ “โรคไตมีกี่ระยะ” คือก้าวแรกสู่การป้องกันและดูแลตนเองอย่างถูกต้อง

เมื่อรู้แล้วว่า โรคไตเรื้อรังมีทั้งหมด 5 ระยะ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นที่ยังไม่มีอาการ ไปจนถึงระยะสุดท้ายที่ต้องอาศัยการฟอกไตหรือปลูกถ่ายไต สิ่งสำคัญที่สุดคือ การตรวจเช็กและเฝ้าระวังตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อชะลอโรคและยืดอายุการทำงานของไตให้นานที่สุด

แต่ข่าวดีคือ ผู้ป่วยโรคไตในประเทศไทยสามารถเข้ารับการรักษาได้ฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายน้อยมาก หากรู้จักใช้สิทธิให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็น…

บทความที่เกี่ยวข้อง

Latest Posts

No data was found

Subscribe and Follow

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า