Table of Contents
เมื่อไตของเราทำงานเสื่อมลงจนไม่สามารถกรองของเสียได้เพียงพอ การ “ฟอกไต” จึงกลายเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อช่วยชีวิต แต่รู้ไหมคะว่า “ฟอกไต” ไม่ได้มีแค่วิธีเดียว และการตัดสินใจเลือกวิธีฟอกไตก็มีผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวมากทีเดียวค่ะ
บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จัก “ฟอกไต” แบบครบทุกแง่มุม ตั้งแต่วิธีการ รูปแบบ ข้อดี-ข้อเสีย จนถึงคำถามที่หลายคนสงสัย เช่น ฟอกไตแล้วอายุยืนไหม? ต้องฟอกกี่ครั้ง? และผู้สูงอายุควรฟอกไตไหม? ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับภาวะไตวายเรื้อรัง นี่คือบทความที่คุณไม่ควรพลาดค่ะ
ฟอกไตคืออะไร?
ฟอกไต (Dialysis) คือกระบวนการทางการแพทย์ที่ช่วยขจัดของเสีย น้ำส่วนเกิน และสารพิษออกจากร่างกาย แทนหน้าที่ของไตที่เสื่อมหรือไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยที่เข้าสู่ระยะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (ระยะที่ 5) ค่ะ
การฟอกไตมีกี่แบบ?
การฟอกไตหลัก ๆ มี 2 วิธีใหญ่ ๆ ค่ะ
1. ฟอกเลือด (Hemodialysis – HD)
- ใช้เครื่องไตเทียมกรองของเสียออกจากเลือดผ่านเส้นเลือดใหญ่
- ต้องไปทำที่โรงพยาบาลหรือศูนย์ฟอกไตสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง
- แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
2. ฟอกไตทางหน้าท้อง (Peritoneal Dialysis – PD)
- ใช้เยื่อบุช่องท้องเป็นตัวกรองของเสีย โดยใส่น้ำยาเข้าไปและเปลี่ยนน้ำยาหลายรอบต่อวัน
- สามารถทำได้ที่บ้านเอง
- แบ่งเป็น 2 แบบย่อย
- CAPD: เปลี่ยนน้ำยาวันละ 4 ครั้ง
- APD: ใช้เครื่องอัตโนมัติฟอกตอนกลางคืน
- CAPD: เปลี่ยนน้ำยาวันละ 4 ครั้ง
ทำไมต้องฟอกไต?
เพราะเมื่อไตเสื่อมถึงระดับที่ไม่สามารถขับของเสีย น้ำ และควบคุมสมดุลแร่ธาตุในร่างกายได้ ผู้ป่วยจะมีอาการต่าง ๆ เช่น:
- เหนื่อยง่าย หอบ
- คันตามตัว
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
- บวมที่เท้าหรือใบหน้า
- ความดันสูงควบคุมไม่ได้
- เสี่ยงต่อหัวใจล้มเหลวหรือเสียชีวิต
การฟอกไตจึงจำเป็นเพื่อยืดชีวิต ลดอาการ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต ค่ะ

ฟอกเลือดกับฟอกไตเหมือนกันไหม?
แม้คำว่า “ฟอกไต” และ “ฟอกเลือด” จะถูกใช้แทนกันบ่อยครั้ง แต่จริง ๆ แล้ว “ฟอกเลือด” เป็นเพียงหนึ่งในวิธีของการฟอกไต ค่ะ โดยความแตกต่างหลัก ๆ คือ:
- ฟอกไต (Dialysis): คือการขจัดของเสียทั้งหมด ซึ่งมีทั้งฟอกเลือดและฟอกทางหน้าท้อง
- ฟอกเลือด (HD): เป็นวิธีที่ใช้เครื่องไตเทียมกรองเลือดนอกตัว ซึ่งต้องมีเส้นฟอกและทำที่โรงพยาบาล
ดังนั้นคำว่า “ฟอกไต” จึงหมายถึงกระบวนการทั้งหมด ส่วน “ฟอกเลือด” คือหนึ่งในวิธีของกระบวนการนั้นค่ะ
ต้องฟอกไตเมื่อไร? เกณฑ์ในการพิจารณา
ไม่ใช่ทุกคนที่มีโรคไตจะต้องฟอกไตทันที การตัดสินใจฟอกไตจะขึ้นกับหลายปัจจัย โดยเฉพาะอาการและการประเมินจากแพทย์ โดยเกณฑ์ที่มักใช้พิจารณา ได้แก่:
- ค่าการกรองของไต (GFR) < 15 ml/min/1.73m²
- อาการแสดง
- เหนื่อยง่าย
- บวมที่หน้า ขา หรือเท้า
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้
- คันผิวหนังทั่วตัว
- ภาวะโพแทสเซียมสูง
- ภาวะน้ำท่วมปอด หายใจลำบาก
- เหนื่อยง่าย
แพทย์จะดูทั้งผลเลือด อาการ และสภาพร่างกายร่วมกัน เพื่อวางแผนว่าจะเริ่มฟอกไตเมื่อไรให้เหมาะสมค่ะ
การเตรียมตัวก่อนการฟอกไต (PD/HD)
การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การฟอกไตปลอดภัยขึ้นและลดภาวะแทรกซ้อนค่ะ โดยจะแตกต่างกันในแต่ละวิธี:
สำหรับฟอกเลือด (HD)
- ต้องผ่าตัดสร้าง เส้นฟอกเลือด (AV Fistula) ที่แขนโดยเชื่อมต่อเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำให้ขยายตัว
- ใช้เวลารอ 4–6 สัปดาห์เพื่อให้เส้นพร้อมใช้งาน
- หากจำเป็นเร่งด่วน อาจใส่ สายสวนชั่วคราว (Central Venous Catheter) แทนชั่วคราวก่อน
สำหรับฟอกไตทางหน้าท้อง (PD)
- ผ่าตัดฝังสาย Tenckhoff catheter บริเวณหน้าท้อง
- ต้องดูแลแผลให้สะอาดอย่างเคร่งครัด
- รอประมาณ 2–3 สัปดาห์ก่อนเริ่มใช้งานเพื่อให้แผลหายดี
การเตรียมตัวอย่างถูกต้องจะช่วยให้การฟอกไตดำเนินไปอย่างราบรื่น ลดโอกาสติดเชื้อหรืออุดตันของช่องทางฟอกค่ะ
การเลือกวิธีฟอกไตให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้ป่วย
การเลือกวิธีฟอกไตควรตั้งอยู่บนความเข้าใจและความสมัครใจของผู้ป่วยร่วมกับแพทย์ โดยคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้
- ความสะดวกในการเดินทาง: หากไม่สะดวกไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ PD อาจเหมาะกว่า
- ความสามารถในการดูแลตนเอง: หากสามารถเปลี่ยนน้ำยาเองได้ PD จะให้อิสระในการใช้ชีวิตมากกว่า
- โรคร่วม เช่น เบาหวาน หรือโรคหัวใจ: อาจมีผลต่อการเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
- ความพร้อมของครอบครัว: การฟอกไตบางแบบต้องมีผู้ดูแลช่วยเหลือเบื้องต้น
ทั้งนี้ ไม่มีวิธีใดที่ “ดีที่สุด” สำหรับทุกคน แต่มีวิธีที่ “เหมาะที่สุด” สำหรับแต่ละคนค่ะ
การดูแลช่องฟอกไต (AV fistula / Tenckhoff catheter)
ช่องฟอกไตเป็นจุดสำคัญของกระบวนการฟอก หากเกิดการติดเชื้อหรืออุดตันอาจทำให้ฟอกไตไม่ได้ผล หรืออันตรายถึงชีวิตได้ค่ะ
การดูแล AV fistula
- หลีกเลี่ยงการเจาะเลือดหรือวัดความดันบริเวณเส้นฟอก
- หมั่นคลำดูว่ามีการไหลเวียน (ฟู่) อยู่เสมอ
- สังเกตอาการบวมแดง เจ็บ หรือเลือดออกผิดปกติ
การดูแลสาย Tenckhoff
- ล้างมือให้สะอาดก่อนจับสายทุกครั้ง
- เปลี่ยนแผลและดูแลบริเวณที่ฝังสายทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการโดนน้ำโดยตรง
- รีบพบแพทย์หากมีหนอง แดง หรือเจ็บบริเวณรอบสาย
การดูแลอย่างเคร่งครัดจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในช่องท้องหรือเส้นฟอกเลือดได้ค่ะ

ฟอกไต อาทิตย์ละ 2 ครั้ง หรือเดือนละกี่ครั้ง?
- Hemodialysis (HD): มาตรฐานคือ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่บางคนอาจเริ่มที่ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วงแรก
- Peritoneal Dialysis (PD): ทำ ทุกวัน วันละ 4 รอบ (CAPD) หรือใช้เครื่องช่วยตอนกลางคืน (APD)
การฟอกไตไม่สามารถทำเพียงเดือนละครั้งหรืออาทิตย์ละครั้งได้ เพราะของเสียจะสะสมจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ค่ะ
ฟอกไตอยู่ได้กี่ปี?
คำตอบนี้ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- วิธีการฟอกไตที่เลือก
- การควบคุมโรคร่วม (เบาหวาน ความดัน)
- การดูแลช่องฟอก
- โภชนาการ และการออกกำลังกายที่เหมาะสม
มีผู้ป่วยที่ฟอกไตมา มากกว่า 15–20 ปี ได้อย่างมีคุณภาพชีวิต หากดูแลตนเองและได้รับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
ทางเลือกใหม่ การฟอกไตแบบพกพาและการดูแลที่บ้าน
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลบ่อย เช่น:
- เครื่องฟอกไตแบบพกพา: อยู่ระหว่างการพัฒนาและเริ่มมีใช้ในบางประเทศ
- ฟอกไตทางหน้าท้องอัตโนมัติ (APD): ใช้เครื่องช่วยเปลี่ยนน้ำยาระหว่างหลับ
- การดูแลแบบ Home Hemodialysis (HHD): ต้องติดตั้งอุปกรณ์เฉพาะที่บ้าน
ทางเลือกเหล่านี้ช่วยเพิ่มอิสระและคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ต้องการใช้ชีวิตใกล้ชิดครอบครัวหรือมีข้อจำกัดในการเดินทางค่ะ
ถ้าไม่อยากฟอกไต ต้องเริ่มดูแลตัวเองอย่างไร?
การชะลอการฟอกไตสามารถทำได้หากคุณเริ่มดูแลตั้งแต่ไตยังไม่เสื่อมจนเกินไปค่ะ โดย:
- ควบคุมระดับความดันโลหิต และระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์
- รับประทานอาหารที่เหมาะสม ลดโปรตีนและโซเดียม
- ดื่มน้ำพอเหมาะตามคำแนะนำแพทย์
- หลีกเลี่ยงยาที่เป็นพิษต่อไต เช่น ยาแก้ปวด NSAIDs
- พบแพทย์เพื่อติดตามค่าการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอ
การเปลี่ยนพฤติกรรมวันนี้อาจช่วยให้คุณเลื่อนเวลาการฟอกไตออกไปได้นานหลายปีเลยค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟอกไต
Q1 : ฟอกไตแล้วจะกลับมาเป็นปกติได้ไหม?
ไม่ได้ค่ะ การฟอกไตเป็นการทดแทนการทำงานของไตเท่านั้น ไตที่เสื่อมถาวรไม่สามารถกลับมาใช้งานได้อีก ยกเว้นในบางกรณีไตวายเฉียบพลันที่สามารถฟื้นตัวได้
Q2 : ฟอกไตแล้วอายุยืนไหม?
ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเอง การควบคุมโรคร่วม และความสม่ำเสมอในการรักษา หากมีการดูแลที่ดี ก็สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้ค่ะ
Q3 : ฟอกไตทางหน้าท้องเจ็บไหม?
ไม่เจ็บมากค่ะ เพราะใช้เพียงท่อเล็ก ๆ ที่หน้าท้อง การดูแลสะอาดช่วยลดการติดเชื้อได้ดี
Q4 : ฟอกไตทำให้เหนื่อยง่ายหรือเปล่า?
ช่วงแรกอาจมีอาการเพลียบ้าง โดยเฉพาะหลังฟอกเลือด แต่สามารถปรับตัวและดูแลให้ดีขึ้นได้
Q5 : ต้องงดน้ำทั้งหมดเลยไหม?
ไม่จำเป็นต้องงดทั้งหมด แต่ควรจำกัดน้ำตามคำแนะนำแพทย์เพื่อป้องกันน้ำท่วมปอดหรือหัวใจล้มเหลวค่ะ
Q6 : ฟอกไตแล้วต้องหยุดทำงานไหม?
ผู้ป่วยหลายคนยังสามารถทำงานประจำได้ หากร่างกายแข็งแรงและเลือกเวลาฟอกไตให้เหมาะกับตารางชีวิต
Q7 : ฟอกไตต้องนอนโรงพยาบาลทุกครั้งหรือไม่?
ไม่จำเป็นค่ะ การฟอกไตส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบผู้ป่วยนอก เดินทางมาแล้วกลับบ้านได้เลย ยกเว้นมีภาวะแทรกซ้อน
Q8 : ฟอกไตทำให้ความดันตกจริงไหม?
เป็นไปได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ฟอกเลือด (HD) หากน้ำถูกดึงออกมากเกินไป แพทย์และพยาบาลจะปรับตามอาการให้เหมาะสม
Q9 : ฟอกไตมีค่าใช้จ่ายเท่าไรถ้าไม่มีสิทธิรักษา?
โดยประมาณ
- ฟอกเลือด: ครั้งละ 1,500–3,000 บาท
- ฟอกทางหน้าท้อง: เดือนละ 20,000–30,000 บาท
แต่หากใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม จะได้รับการดูแลฟรีตามเกณฑ์ที่กำหนด
Q10 : เด็กสามารถฟอกไตได้หรือไม่?
สามารถค่ะ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลที่มีศูนย์เฉพาะทางสำหรับเด็กไตวาย แต่อาจต้องใช้วิธีเฉพาะเช่น PD มากกว่า HD
สรุป ฟอกไตไม่ใช่จุดจบ แต่คือการเริ่มต้นดูแลตัวเองแบบใหม่
การฟอกไตอาจฟังดูน่ากลัว แต่ด้วยความรู้และการเตรียมตัวที่ดี ผู้ป่วยก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพได้ค่ะ
และถ้าคุณกำลังกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ก็ไม่ต้องห่วง เพราะผู้ป่วยโรคไตสามารถใช้สิทธิรักษาฟรีได้ ดังนี้