สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์
ทีมงาน The Medicative | ติดต่อเรา
สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์

คำแนะนำ: เริ่มค้นหาด้วยคำง่าย ๆ เช่น 

สิทธิบัตรทอง

อินซูลิน เข้าใจชนิด วิธีใช้ และข้อเข้าใจผิดที่ผู้ป่วยเบาหวานควรรู้

Share
อินซูลิน เข้าใจชนิด วิธีใช้ และข้อเข้าใจผิดที่ผู้ป่วยเบาหวานควรรู้

Table of Contents

เมื่อพูดถึงการรักษาโรคเบาหวาน หลายคนอาจนึกถึงการควบคุมอาหารหรือการทานยาเม็ด แต่จริง ๆ แล้ว อินซูลิน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยบางรายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจอินซูลินแบบเจาะลึก ตั้งแต่ชนิด วิธีใช้ การเลือกใช้อินซูลินให้เหมาะสม รวมถึงการแก้ไขความเข้าใจผิดที่พบบ่อย เพื่อให้คุณตัดสินใจรักษาได้อย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ

อินซูลินคืออะไร?

อินซูลิน (Insulin) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อน มีบทบาทสำคัญในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน และเก็บสะสมในรูปไกลโคเจนที่ตับและกล้ามเนื้อ หากร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถใช้งานอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ และนำไปสู่ โรคเบาหวาน

ทำไมผู้ป่วยเบาหวานบางรายต้องใช้อินซูลิน

ทำไมผู้ป่วยเบาหวานบางรายต้องใช้อินซูลิน

แม้ว่าการควบคุมอาหารและการใช้ยาลดน้ำตาลชนิดรับประทานจะช่วยควบคุมเบาหวานได้ แต่ผู้ป่วยบางรายจำเป็นต้องใช้อินซูลินร่วมด้วย เช่น

  • ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เลย

  • ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ใช้งานอินซูลินไม่เพียงพอและระดับน้ำตาลยังสูงแม้ใช้ยา

  • ผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน

  • หญิงตั้งครรภ์ที่ควบคุมเบาหวานด้วยยาเม็ดไม่ได้

สรุปคือ อินซูลินไม่ใช่ยาทุกคนต้องใช้ แต่เมื่อถึงจุดที่ร่างกายขาดหรือไม่ตอบสนอง การใช้อินซูลินถือว่าเป็นการรักษาที่ปลอดภัยและจำเป็น

อินซูลิน ชนิด การใช้ และความเข้าใจผิด

ชนิดของอินซูลิน

อินซูลินแบ่งตามความเร็วในการออกฤทธิ์และระยะเวลาที่อยู่ในร่างกาย ได้แก่

  1. อินซูลินออกฤทธิ์เร็วมาก (Rapid-acting insulin)

     

    • ออกฤทธิ์ภายใน 10–15 นาที

       

    • อยู่ในร่างกาย 3–5 ชั่วโมง

       

    • ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลหลังอาหาร

       

  2. อินซูลินออกฤทธิ์สั้น (Short-acting insulin)

     

    • เริ่มออกฤทธิ์ภายใน 30 นาที

       

    • อยู่ในร่างกาย 6–8 ชั่วโมง

       

    • เหมาะสำหรับการฉีดก่อนอาหาร

       

  3. อินซูลินออกฤทธิ์ปานกลาง (Intermediate-acting insulin)

     

    • เริ่มออกฤทธิ์ 1–2 ชั่วโมง

       

    • อยู่ในร่างกาย 12–18 ชั่วโมง

       

    • ใช้ควบคุมน้ำตาลระหว่างวัน

       

  4. อินซูลินออกฤทธิ์ยาว (Long-acting insulin)

     

    • ออกฤทธิ์ช้าและอยู่ได้นาน 24 ชั่วโมงขึ้นไป

       

    • ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลพื้นฐานทั้งวัน

       

  5. อินซูลินผสม (Premixed insulin)

     

    • เป็นการผสมระหว่างอินซูลินออกฤทธิ์สั้นกับออกฤทธิ์ปานกลาง
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการฉีดน้อยครั้ง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอินซูลิน

หลายคนยังมีความกังวลและความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอินซูลิน เช่น

  • “ฉีดอินซูลินแล้วติดตลอดชีวิต” → จริง ๆ แล้วอินซูลินเป็นการทดแทนฮอร์โมนที่ร่างกายขาด ไม่ได้ทำให้ติด แต่หากตับอ่อนไม่สามารถผลิตได้ การหยุดอินซูลินอาจทำให้อาการแย่ลง

  • “อินซูลินอันตราย มีผลข้างเคียงรุนแรง” → อินซูลินเป็นยาที่ปลอดภัย หากใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือภาวะน้ำตาลต่ำ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับขนาดยาและการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม

  • “ถ้าต้องใช้อินซูลิน แปลว่าโรคแย่มากแล้ว” → ไม่เสมอไปค่ะ การใช้อินซูลินในบางรายเป็นเพียงการช่วยให้ระดับน้ำตาลควบคุมได้ดีก่อนที่จะกลับมาใช้ยาเม็ด

การเลือกใช้อินซูลินชนิดต่างๆ

แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าผู้ป่วยควรใช้อินซูลินชนิดใด ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น

  • ชนิดของเบาหวาน : ชนิดที่ 1 มักต้องใช้อินซูลินตลอดชีวิต ขณะที่ชนิดที่ 2 อาจใช้ชั่วคราวหรือร่วมกับยาเม็ด

  • พฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต : ผู้ที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา อาจเหมาะกับอินซูลินออกฤทธิ์ยาวเพื่อคงระดับพื้นฐาน

  • อายุและสุขภาพโดยรวม : ผู้สูงอายุหรือมีโรคร่วม อาจเลือกสูตรผสมที่ฉีดน้อยครั้งเพื่อความสะดวก

  • ระดับน้ำตาลในเลือด : หากมีการแกว่งมากหลังอาหาร จำเป็นต้องใช้อินซูลินออกฤทธิ์เร็ว

โดยทั่วไป การรักษาจะผสมผสานอินซูลินหลายชนิด เพื่อเลียนแบบการทำงานของร่างกายให้ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด

วิธีใช้อินซูลินให้ถูกต้อง

วิธีใช้อินซูลินให้ถูกต้อง

การใช้อินซูลินต้องอาศัยความเข้าใจและความถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

  • ฉีดในตำแหน่งที่เหมาะสม : เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และสะโพก โดยควรสลับตำแหน่งเพื่อลดปัญหาก้อนใต้ผิวหนัง

  • เวลาที่ฉีดสัมพันธ์กับมื้ออาหาร : อินซูลินบางชนิดต้องฉีดก่อนอาหาร 15–30 นาที ขณะที่บางชนิดฉีดได้ทันที

  • การเก็บรักษา : อินซูลินควรเก็บในตู้เย็น แต่ไม่ควรแช่แข็ง และอินซูลินที่เปิดใช้แล้วสามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้ตามที่ฉลากระบุ

  • การใช้อุปกรณ์ : ปัจจุบันมีทั้งเข็มฉีดยาแบบดั้งเดิมและปากกาอินซูลิน (Insulin pen) ซึ่งใช้ง่ายและสะดวกกว่า

ข้อควรระวังเมื่อใช้อินซูลิน

ก่อนใช้อินซูลิน ผู้ป่วยควรใส่ใจประเด็นเหล่านี้ค่ะ

  • ควบคุมอาหารควบคู่กับการฉีด ไม่ใช่พึ่งอินซูลินอย่างเดียว

  • หมั่นตรวจน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินผลและปรับขนาดยา

  • พกอาหารหวาน เช่น ลูกอม กลูโคสเจล เผื่อเกิดภาวะน้ำตาลต่ำ

  • แจ้งแพทย์เรื่องยาที่ใช้ร่วม เพราะบางชนิดอาจส่งผลต่อน้ำตาล

  • ห้ามหยุดอินซูลินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

สรุปแล้ว อินซูลินจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด หากผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำและเข้าใจวิธีการใช้อย่างถูกต้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอินซูลิน

Q1 : อินซูลินทำให้น้ำหนักขึ้นจริงไหม?
การใช้อินซูลินอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มได้บ้าง เนื่องจากน้ำตาลถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น แต่สามารถควบคุมได้ด้วยการปรับอาหารและออกกำลังกายค่ะ

Q2 : อินซูลินกับยาเม็ดต่างกันอย่างไร?
ยาเม็ดช่วยกระตุ้นหรือเพิ่มความไวต่ออินซูลินที่มีอยู่ ขณะที่อินซูลินเป็นการทดแทนฮอร์โมนโดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่ร่างกายผลิตไม่พอหรือไม่ตอบสนองต่อยาเม็ดแล้วค่ะ

Q3 : อินซูลินมีกี่ชนิด?
หลัก ๆ มี 5 ชนิด ได้แก่ ออกฤทธิ์เร็วมาก, ออกฤทธิ์สั้น, ออกฤทธิ์ปานกลาง, ออกฤทธิ์ยาว และสูตรผสม ซึ่งเลือกใช้ตามอาการและความเหมาะสมของผู้ป่วย

Q4 : อินซูลินฉีดเองได้ไหม?
ได้ค่ะ ปัจจุบันมีปากกาอินซูลินที่ใช้ง่าย ผู้ป่วยสามารถฝึกฉีดเองได้ แต่ควรเรียนรู้วิธีการและสลับตำแหน่งฉีดเพื่อลดผลข้างเคียง

Q5 : ถ้าลืมฉีดอินซูลินควรทำอย่างไร?
ขึ้นอยู่กับชนิดอินซูลิน หากเพิ่งลืมไม่นานอาจฉีดทันที แต่หากใกล้มื้อถัดไปควรข้ามและปรึกษาแพทย์เพื่อปรับการรักษา ไม่ควรฉีดเพิ่มเองค่ะ

Q6 : อินซูลินแพงไหม และสิทธิการรักษาครอบคลุมหรือไม่?
อินซูลินอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ประกันสังคม และข้าราชการ สามารถรับการรักษาและยาฟรีตามสิทธิที่มีค่ะ

สรุป

อินซูลินคือหัวใจสำคัญของการรักษาผู้ป่วยเบาหวานบางกลุ่ม โดยมีหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ต่างกัน การเลือกใช้อินซูลินจึงต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นอายุ พฤติกรรมการกิน หรือระดับน้ำตาล การเข้าใจอินซูลินอย่างถูกต้องจะช่วยให้การควบคุมโรคปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

หากคุณหรือคนใกล้ตัวจำเป็นต้องใช้อินซูลิน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกสูตรที่เหมาะสม และใช้สิทธิการรักษาที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้ เช่น สิทธิบัตรทอง ประกันสังคม หรือสิทธิข้าราชการ เพื่อไม่ให้ภาระทางการเงินเป็นอุปสรรคต่อการรักษานะคะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Latest Posts

No data was found

Subscribe and Follow

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า