สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์
ทีมงาน The Medicative | ติดต่อเรา
สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์

คำแนะนำ: เริ่มค้นหาด้วยคำง่าย ๆ เช่น 

สิทธิบัตรทอง

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG)

Share
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

โรคหัวใจไม่ได้แสดงอาการให้เห็นเสมอไป หลายครั้งเราอาจไม่รู้ตัวเลยว่าหัวใจกำลังทำงานผิดปกติ จนกระทั่งเกิดอาการรุนแรง เช่น เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน หรือหัวใจวายกะทันหัน การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยตรวจพบความผิดปกติของหัวใจตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ต้องใช้วิธีที่ซับซ้อนหรือเจ็บตัว

ECG เป็นการบันทึกสัญญาณไฟฟ้าที่หัวใจสร้างขึ้นในแต่ละจังหวะการเต้น ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะต่าง ๆ ได้ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือภาวะหัวใจโต การตรวจนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจของคุณ

บทความนี้ The Medicative จะพาคุณไปรู้จักกับการตรวจ ECG อย่างละเอียด ว่ามันทำงานอย่างไร ใช้ตรวจอะไรได้บ้าง และใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการดูแลสุขภาพหัวใจ หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าการตรวจ ECG มีความสำคัญในการป้องกันโรคร้ายแรง และช่วยเป็นข้อมูลให้คุณตัดสินใจเข้ารับการตรวจได้อย่างมั่นใจ

ไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจคืออะไร?

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือที่เรียกว่า electrocardiogram (ECG หรือ EKG) เป็นวิธีการตรวจที่ใช้บันทึกและแสดงสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในหัวใจ เพื่อดูว่าหัวใจเต้นปกติหรือไม่ และสามารถช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคหัวใจบางประเภทได้

สัญญาณไฟฟ้าของหัวใจมีบทบาทสำคัญในการควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และหากเกิดความผิดปกติ อาจส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ

ทำไมต้องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ?

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการตรวจสุขภาพหัวใจ สามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยภาวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจร้ายแรงและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน

1. ตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia)

  • หัวใจอาจเต้นเร็วเกินไป (tachycardia) หรือช้าเกินไป (bradycardia)
  • อาจตรวจพบภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดอันตราย เช่น atrial fibrillation (AF) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง
  • หากมีอาการใจสั่น หรือเป็นลมหมดสติบ่อย ๆ ECG อาจช่วยหาสาเหตุได้

2. วินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (coronary artery disease – CAD)

  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากการสะสมของไขมันและคราบพลัคในหลอดเลือดหัวใจ
  • ECG อาจแสดงสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (ischemia) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการเจ็บหน้าอก (angina)
  • หากมีอาการเจ็บหน้าอกบ่อย หรือรู้สึกแน่นหน้าอกขณะออกแรง อาจต้องตรวจ ECG ควบคู่กับการทดสอบสมรรถภาพหัวใจ (stress test)

3. ตรวจหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันหรือหัวใจวาย (heart attack)

  • ECG สามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยแยกภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (acute myocardial infarction – MI) ได้อย่างรวดเร็ว
  • หากมีอาการเจ็บหน้าอกเฉียบพลัน ร้าวไปแขนหรือกราม ควรได้รับ ECG ทันทีเพื่อตรวจหาสัญญาณของภาวะหัวใจวาย

4. ตรวจภาวะหัวใจโต (enlarged heart หรือ cardiomegaly)

  • ECG สามารถตรวจพบสัญญาณของภาวะหัวใจโต ซึ่งอาจเกิดจากโรคความดันโลหิตสูง โรคลิ้นหัวใจ หรือภาวะอื่น ๆ
  • ภาวะหัวใจโตอาจทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้

5. ประเมินผลกระทบของยาหรือค่าเกลือแร่ในเลือดที่ผิดปกติ

  • ECG สามารถช่วยตรวจหาผลกระทบของยาบางชนิด เช่น ยารักษาหัวใจ ยาเบาหวาน หรือยารักษาภาวะซึมเศร้า ที่อาจส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ
  • ความผิดปกติของระดับโพแทสเซียม แคลเซียม หรือแมกนีเซียม ในร่างกาย อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และสามารถตรวจพบได้จาก ECG

6. ใช้เพื่อติดตามผลหลังการทำหัตถการรักษาหรือผ่าตัดหัวใจ

  • ผู้ที่ได้รับการขยายหลอดเลือดหัวใจ (angioplasty) หรือการทำบายพาสหัวใจ (CABG) อาจต้องตรวจ ECG เป็นระยะเพื่อเฝ้าระวังการกลับมาตีบของหลอดเลือด
  • ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) สามารถใช้ ECG เพื่อตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์

7. ตรวจคัดกรองสุขภาพหัวใจในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

  • บุคคลที่มีความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ควรตรวจ ECG เป็นระยะ
  • นักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายหนัก ควรตรวจ ECG เพื่อตรวจหาภาวะหัวใจผิดปกติที่อาจเป็นอันตรายเมื่อออกแรงมาก

8. ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปี

  • แม้ไม่มีอาการผิดปกติ การตรวจ ECG เป็นส่วนหนึ่งของการคัดกรองโรคหัวใจ โดยเฉพาะในผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี
  • สามารถช่วยตรวจหาความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ก่อนที่จะแสดงอาการ

ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ?

  1. ผู้ที่มีอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ
      • เจ็บหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วหรือช้าเกินไป
      • เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลมบ่อย
      • หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายผิดปกติ
      • รู้สึกอ่อนเพลียเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
  1. ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ
      • มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
      • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
      • สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือมีความเครียดสูง
  1. ผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพหัวใจประจำปี
      • เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป
      • ใช้คัดกรองโรคหัวใจตั้งแต่ระยะแรก แม้ไม่มีอาการ
  1. ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก หรือเป็นนักกีฬา
      • เพื่อตรวจหาภาวะหัวใจผิดปกติที่อาจเป็นอันตรายขณะออกแรง
  1. ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือใช้ยารักษาโรคหัวใจ
      • ตรวจเพื่อประเมินความพร้อมก่อนผ่าตัดใหญ่
      • ติดตามผลของเครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) หรือผลกระทบจากยา
  1. ผู้ที่มีอาการผิดปกติที่อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาหัวใจ
      • แน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย วูบ หมดสติ เหงื่อออกมากผิดปกติ เวียนศีรษะเรื้อรัง หรืออ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ

หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการดังกล่าว ควรเข้ารับการตรวจเพื่อป้องกันโรคหัวใจและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

1. การเตรียมตัวก่อนตรวจ

  • ไม่ต้องงดอาหารหรือยา เว้นแต่แพทย์แนะนำให้หยุดยาบางชนิด
  • ควรสวมเสื้อเชิ้ต หรือเสื้อที่สามารถปลดกระดุมเพื่อเปิดบริเวณหน้าอกได้ เพราะต้องติดแผ่นขั้วบันทึก (electrodes) บริเวณหน้าอก แขน และขา
  • หลีกเลี่ยงการทาครีม โลชั่น หรือน้ำมันบนผิวหนัง เนื่องจากอาจรบกวนการนำสัญญาณไฟฟ้า
  • ควรแจ้งแพทย์หากมียาที่อาจมีผลต่อการเต้นของหัวใจ เช่น beta-blockers หรือ ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ รับประทานอยู่

2. ระหว่างการตรวจ

  • ผู้ป่วยจะนอนหงายบนเตียงในท่าที่สบาย
  • แพทย์หรือพยาบาลจะติดแผ่น electrodes ซึ่งเป็นแผ่นนำไฟฟ้าขนาดเล็กลงบนผิวหนังที่หน้าอก แขน และขา
  • เครื่อง electrocardiogram (ECG/EKG) จะบันทึกสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการเต้นของหัวใจ
  • การตรวจใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที และไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด
  • อาจรู้สึกเย็นเล็กน้อยจากแผ่น electrodes และอาจมีอาการคันเล็กน้อยเมื่อลอกออก

3. หลังการตรวจ

  • แพทย์จะอ่านผลและอธิบายรูปแบบของคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่บันทึกได้
  • หากพบความผิดปกติ อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม เช่น
    • Echocardiogram (การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง) เพื่อตรวจดูโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ
    • Stress test (การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย) เพื่อตรวจหาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ
    • Holter monitor (เครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพา) ที่ใช้ติดตัวเพื่อตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
  • ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที

การตรวจ ECG เป็นกระบวนการที่ง่าย ปลอดภัย และมีความสำคัญในการวินิจฉัยภาวะหัวใจผิดปกติ หากคุณมีอาการผิดปกติหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ควรเข้ารับการตรวจเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

ประเภทของการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

1. Standard ECG (resting ECG)

  • เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะอยู่ในภาวะพัก
  • ใช้ในการวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือภาวะหัวใจโต
  • เป็นวิธีที่ใช้บ่อยที่สุดและใช้เวลาตรวจเพียงไม่กี่นาที

2. Exercise ECG (stress test)

  • เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย เช่น การเดินบนสายพาน (treadmill) หรือปั่นจักรยาน
  • ใช้ตรวจดูการทำงานของหัวใจเมื่อหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแน่นหน้าอกหรือสงสัยว่ามีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

3. Holter monitor

  • เป็นเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพา ใช้ติดตัวเพื่อตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าหัวใจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นระยะ ๆ ที่อาจไม่สามารถตรวจพบได้จาก standard ECG
  • สามารถบันทึกกิจกรรมหัวใจในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยวิเคราะห์อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ

4. Event monitor

  • คล้ายกับ Holter monitor แต่ผู้ป่วยจะต้องกดปุ่มบันทึกข้อมูลเฉพาะเวลาที่รู้สึกถึงอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่นหรือเวียนศีรษะ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นครั้งคราวที่ไม่สามารถตรวจพบได้ในการตรวจ holter monitor หรือECG ปกติ

5. Signal-averaged ECG (SAECG)

  • เป็นการตรวจ ECG แบบละเอียดที่ช่วยวิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจในระดับลึก
  • ใช้เพื่อวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรงที่อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน

6. Ambulatory blood pressure and ECG monitoring

  • เป็นการติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจร่วมกับการวัดความดันโลหิตแบบ 24 ชั่วโมง
  • ใช้ในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงร่วมกับปัญหาหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแต่ละประเภทมีจุดประสงค์และข้อบ่งชี้ที่แตกต่างกัน ซึ่งแพทย์จะเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสมตามอาการและปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย

ความเสี่ยงและข้อควรระวัง

1. ความเสี่ยงของการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

  • การตรวจ ECG เป็นวิธีที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและไม่มีผลข้างเคียง
  • ไม่มีการใช้รังสี จึงไม่มีความเสี่ยงจากรังสีเอกซเรย์หรือสารกัมมันตรังสี
  • อาจเกิดรอยแดงเล็กน้อยหรือระคายเคืองที่ผิวหนังบริเวณที่ติด electrodes แต่จะหายไปเองในเวลาไม่นาน

2. ข้อควรระวังระหว่างการตรวจ

  • ผู้ที่มีขนหนาบริเวณหน้าอก อาจต้องโกนขนบางส่วนเพื่อให้ electrodes ติดแน่นและให้สัญญาณที่แม่นยำ
  • การเคลื่อนไหวระหว่างการตรวจ อาจรบกวนการบันทึกสัญญาณไฟฟ้าหัวใจ ทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อน
  • หากมีการใช้ holter monitor หรือ event monitor ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น อย่าให้เปียกน้ำเพราะทำให้เครื่องเสียหายได้

3. ข้อจำกัดของการตรวจ ECG

  • ECG ปกติไม่ได้หมายความว่าหัวใจแข็งแรงสมบูรณ์เสมอไป เพราะบางภาวะ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาจไม่แสดงความผิดปกติขณะพัก
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดเกิดเป็นช่วง ๆ และอาจไม่ปรากฏระหว่างการตรวจ ECG แบบปกติ จำเป็นต้องใช้ holter monitor หรือ event monitor เพื่อตรวจเพิ่มเติม
  • หากพบความผิดปกติ แพทย์อาจต้องใช้การตรวจอื่นร่วมด้วย เช่น echocardiogram หรือ stress test เพื่อประเมินสุขภาพหัวใจให้แม่นยำยิ่งขึ้น

แม้การตรวจ ECG จะเป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัย แต่การแปลผลต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ ควรเข้ารับคำปรึกษาเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจอย่างละเอียด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

1. การตรวจ ECG เจ็บหรือไม่?

  • ไม่เจ็บ แต่อาจรู้สึกเย็นจากแผ่นอิเล็กโทรดและอาจมีอาการคันเล็กน้อยเมื่อลอกออก

2. ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนตรวจ?

  • ไม่ต้องงดอาหารหรือยา แต่ควรใส่เสื้อผ้าที่ถอดออกง่าย และไม่ทาครีมหรือน้ำมันที่ผิวหนัง

3. ใช้เวลาตรวจนานแค่ไหน?

  • โดยปกติใช้เวลา 5-10 นาที และสามารถกลับบ้านได้ทันที

4. การตรวจ ECG สามารถบอกโรคหัวใจได้ทุกชนิดหรือไม่?

  • ECG สามารถช่วยตรวจหาความผิดปกติของหัวใจได้หลายอย่าง แต่หากผลตรวจไม่ชัดเจน แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม

5. ควรตรวจ ECG บ่อยแค่ไหน?

  • หากมีอาการผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจ
  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ อาจตรวจปีละ 1 ครั้ง ตามคำแนะนำของแพทย์

สรุป

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และปลอดภัยในการประเมินการทำงานของหัวใจ สามารถช่วยวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และปัญหาหัวใจอื่น ๆ ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หรือผู้ที่ต้องการตรวจเช็กสุขภาพหัวใจเป็นประจำ

แม้ว่า ECG จะเป็นการตรวจพื้นฐาน แต่หากพบความผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การใส่ใจสุขภาพหัวใจตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจร้ายแรงและทำให้คุณมีชีวิตที่แข็งแรงขึ้น

สำหรับผู้ที่มองหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและแนวทางการรักษาโรคต่าง ๆ สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ The Medicative ที่รวมความรู้ด้านสุขภาพ พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิ์การรักษา เพื่อช่วยให้คุณมีความเข้าใจและมีข้อมูลสำหรับการดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น

อ้างอิง

dr-heart

แพทย์ผู้เขียนบทความ

นพ. พลกฤษณ์ ​เชี่ยววิทย์
อายุรศาสตร์หัวใจและหลอดเลือด

บทความที่เกี่ยวข้อง

Latest Posts

การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram) เป็นวิธีที่ปลอดภัยและแม่นยำในการประเมินโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว หรือภาวะหัวใจโต โดยไม่ต้องใช้รังสีหรือผ่าตัด หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่เหมาะสม
โรคลิ้นหัวใจส่งผลต่อหัวใจและคุณภาพชีวิต หากปล่อยไว้ อาจทำให้หัวใจล้มเหลว อาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือแน่นหน้าอกจะมากขึ้นเมื่อโรครุนแรงขึ้น การรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยา ซ่อมหรือเปลี่ยนลิ้น การดูแลสุขภาพและตรวจหัวใจเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้

Subscribe and Follow

หมวดหมู่ สุขภาพหัวใจ

ประเภทและอาการ
การวินิจฉัยและการรักษา
เรียนรู้การอยู่กับโรคหัวใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า