อาการเจ็บหน้าอก (chest pain) เป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนกังวล เพราะมันอาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจที่ร้ายแรง แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกอาการเจ็บหน้าอกจะเป็นอันตราย บางครั้งอาจเกิดจากสาเหตุที่ไม่รุนแรง เช่น กล้ามเนื้อตึงเครียด หรือกรดไหลย้อน
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องรีบพบแพทย์ หรือเป็นแค่อาการทั่วไปที่สามารถดูแลตัวเองได้? Medicative จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างของอาการเจ็บหน้าอกแต่ละประเภท สาเหตุที่พบบ่อย วิธีวินิจฉัย รวมถึงแนวทางรักษาและป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง และไม่ต้องวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น
หากคุณเคยมีอาการเจ็บหน้าอก หรืออยากรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์ และเมื่อไหร่ที่ไม่ต้องกังวล บทความนี้จะให้คำตอบที่ชัดเจนเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจมากขึ้น มาหาคำตอบไปพร้อมกัน!
ไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ
อาการเจ็บหน้าอกคืออะไร?
อาการเจ็บหน้าอก (chest pain) หมายถึงความรู้สึกปวด แน่น หรือไม่สบายบริเวณหน้าอก อาจเกิดขึ้นในตำแหน่งใดก็ได้ของทรวงอก อาการนี้สามารถเกิดขึ้นแบบฉับพลัน หรือเป็น ๆ หาย ๆ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิด
ลักษณะของอาการเจ็บหน้าอกที่พบบ่อย ได้แก่
- เจ็บแน่นหน้าอก คล้ายมีของหนักกดทับหรือรัดแน่น อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ
- แสบร้อนกลางอก อาจเกิดจากกรดไหลย้อน
- เจ็บแปลบเหมือนมีของแหลมแทง มักเกี่ยวข้องกับเส้นประสาทหรือกล้ามเนื้อ
- เจ็บจี๊ด ๆ หรือเสียวแปลบ มักเกิดจากกล้ามเนื้อหรือโรคทางระบบประสาท
- เจ็บร้าวจากหน้าอกไปที่แขน คอ หรือกราม มักเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ
ความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกัน บางครั้งอาการอาจเกิดขึ้นเล็กน้อยและหายไปเอง แต่ในบางกรณีอาการอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะที่เป็นอันตราย
ประเภทของอาการเจ็บหน้าอก
เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน
เป็นอาการเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจมีความรุนแรง เช่น อาการของหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน, ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด หรือ ภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด อาการในกลุ่มนี้มักต้องได้รับการตรวจรักษาโดยเร็วที่สุด
บางกรณีอาจเกี่ยวข้องกับ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการตีบแคบของหลอดเลือดหัวใจ และควรได้รับการวินิจฉัยโดยเร็ว
เจ็บหน้าอกเรื้อรัง
เป็นอาการเจ็บที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ หรือเป็นระยะเวลานาน เช่น อาการเจ็บจากกรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหาร หรือปัญหาทางกล้ามเนื้อและกระดูก อาการนี้มักไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่หากมีอาการต่อเนื่องควรได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามหากอาการเจ็บเป็นลักษณะแน่นหน้าอก สัมพันธ์กับการออกแรง นั่งพักแล้วดีขึ้น เป็นๆหายๆ อาการดังกล่าวสัมพันธืกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ควรได้รับการตรวจและวินิฉัยเพิ่มเติมโดยแพทย์
สาเหตุของอาการเจ็บหน้าอก
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เกิดจากการสะสมของคราบไขมันในหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ
- หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน จากเกล็ดเลือดหรือลิ่มเลือดไปเกาะและสะสมบริเวณที่มีคราบไขมันในหลอดเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเสียหาย
- เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก โดยมักรุนแรงขึ้นเมื่อหายใจเข้า หรือ บรรเทาลงเมื่อนั่งโค้งตัวมาด้านหน้า
- โรคลิ้นหัวใจ ลิ้นหัวใจทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ นำไปสู่เลือดเลี้ยงหัวใจได้ลดลง
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับปอด
- ปอดอักเสบ ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกขณะไอหรือหายใจเข้า
- ลิ่มเลือดอุดตันในปอด เป็นภาวะฉุกเฉินที่ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก
- ภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด เกิดจากถุงลมเล็กๆในปอดรั่ว ทำให้เกิดอาการเจ็บเฉียบพลันและหายใจลำบาก
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร
- กรดไหลย้อน ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร
- กระเพาะอาหารอักเสบ ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณลิ้นปี่
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อและกระดูก
- กล้ามเนื้ออักเสบ ทำให้เจ็บหน้าอกโดยเฉพาะเมื่อขยับตัว
- กระดูกซี่โครงหัก หรือกระดูกอ่อนซี่โครงอักเสบ ทำให้เกิดอาการเจ็บเมื่อกดที่บริเวณซี่โครง
เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย (fatigue/weakness)
อาการเจ็บหน้าอกอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่ร้ายแรงและต้องได้รับการรักษาโดยด่วน หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์หรือโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทันที
อาการที่เป็นสัญญาณเตือนโรคร้ายแรง
- เจ็บแน่นหน้าอกแบบบีบหรือกดทับ
- หากรู้สึกเหมือนมีของหนักกดที่หน้าอก หรือแน่นจนหายใจลำบาก
- อาการนี้มักเกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวาย
- เจ็บหน้าอกที่แผ่ไปที่ส่วนอื่นของร่างกาย
- อาการเจ็บที่ลามไปที่แขนซ้าย คอ กราม หรือหลัง อาจบ่งบอกถึงโรคหัวใจ
- หากอาการเจ็บลามไปที่บริเวณไหล่ หรือหลัง อาจเกี่ยวข้องกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด หรือ หลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด
- หายใจลำบาก หรือรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ
- หากหายใจเข้าแล้วรู้สึกเจ็บหน้าอก อาจเป็นสัญญาณของปอดอักเสบ หรือลิ่มเลือดอุดตันในปอด
- หากรู้สึกหายใจลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นภาวะหัวใจล้มเหลว
- มีเหงื่อออกมากผิดปกติ
- อาการเหงื่อออกมากร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจขาดเลือด
- เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือหมดสติ
- อาการเจ็บหน้าอกร่วมกับความรู้สึกจะเป็นลม อาจเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- หัวใจเต้นเร็วเกินไป (tachycardia) หรือเต้นช้าผิดปกติ (bradycardia) ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก ควรรีบพบแพทย์
- อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่หายไปแม้จะพักผ่อนแล้วก็ตาม
- หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 5-10 นาที ควรรีบพบแพทย์ทันที
หากคุณมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกเฉียบพลัน ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อใช้สิทธิ UCEP ซึ่งครอบคลุมกรณีฉุกเฉินโดยไม่ต้องสำรองจ่าย
วิธีการวินิจฉัยอาการเจ็บหน้าอก
การตรวจวินิจฉัยอาการเจ็บหน้าอกจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
การซักประวัติอาการ
แพทย์จะถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาการเจ็บหน้าอก เช่น
- ลักษณะของอาการเจ็บ (แน่น แสบแปลบ หรือจี๊ด ๆ)
- ระยะเวลาที่เป็น
- ปัจจัยกระตุ้น (เช่น ออกกำลังกาย เครียด หรือหลังรับประทานอาหาร)
- อาการร่วมอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ เหงื่อออก เวียนศีรษะ
การตรวจร่างกาย
แพทย์จะตรวจวัดชีพจร ฟังเสียงหัวใจและปอด และตรวจหาสัญญาณของโรคที่เป็นไปได้
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและเทคนิคพิเศษ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
- ใช้เพื่อตรวจหาความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจ
- สามารถระบุภาวะหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวายได้
- การตรวจเหล่านี้อยู่ในขอบเขตของสิทธิประกันสุขภาพ เช่น สิทธิคนไทยทุกคนสามารถคัดกรองโรคหัวใจได้ฟรี ซึ่งครอบคลุมการตรวจเบื้องต้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- การตรวจเลือด (cardiac biomarkers test)
- ตรวจหาสารเคมีที่บ่งชี้การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น troponin
- การเอกซเรย์ทรวงอก (chest X-ray)
- เพื่อตรวจหาปัญหาของปอด เช่น ปอดอักเสบ หรือลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด
- การทำอัลตราซาวนด์หัวใจ (echocardiogram)
- ใช้ตรวจสอบโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ
- การทดสอบสมรรถภาพหัวใจ (exercise stress test)
- ใช้ตรวจภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยให้ผู้ป่วยออกกำลังกายขณะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- CT scan หรือ MRI ของหัวใจและปอด
- ใช้ตรวจหาภาวะลิ่มเลือดอุดตัน,การฉีกขาดของหลอดเลือด หรือภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ
วิธีการรักษาอาการเจ็บหน้าอก
วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ
การรักษาอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจ
- การใช้ยา แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยา เช่น
- ไนโตรกลีเซอรีน (nitroglycerin) เพื่อขยายหลอดเลือดหัวใจ
- ยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytics) ในกรณีที่เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
- ยาต้านเกล็ดเลือด (aspirin, clopidogrel) เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด
- การขยายหลอดเลือดหัวใจ (angioplasty and stenting)
- ใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดที่ตีบ และใส่ขดลวด (stent)
- วิธีการเหล่านี้มักใช้ในผู้ป่วยที่มี ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งเป็นภาวะรุนแรงที่ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน
- การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery bypass graft – CABG)
- ใช้หลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายมาทำทางเบี่ยงเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจแทนหลอดเลือดที่อุดตัน
การรักษาอาการเจ็บหน้าอกจากปอด
- ยาปฏิชีวนะ หากเกิดจากการติดเชื้อ เช่น ปอดอักเสบ
- ยาละลายลิ่มเลือด ในกรณีที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันในปอด
- การใส่สายระบายลมในปอด กรณีที่มีภาวะลมรั่วในช่องเยื่อหุ้มปอด
การรักษาอาการเจ็บหน้าอกจากระบบทางเดินอาหาร
- ยาลดกรด (proton pump inhibitors – PPI) เช่น omeprazole, pantoprazole
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง หรือเผ็ดจัด
การรักษาอาการเจ็บหน้าอกจากกล้ามเนื้อและกระดูก
- ยาบรรเทาปวด (NSAIDs) เช่น Ibuprofen หรือ Naproxen
- กายภาพบำบัด หากเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการเจ็บหน้าอก
อาการที่ถือว่าฉุกเฉินและต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที ได้แก่ เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง หรือเจ็บนานกว่า 20 นาที หายใจถี่อย่างรุนแรง หมดสติ เจ็บหน้าอกร่วมกับเหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนศีรษะ
อาการเจ็บหน้าอกที่บ่งบอกถึงโรคหัวใจ มักจะรู้สึกเจ็บ แน่น อึดอัด เหมือนมีอะไรมากดทับหรือบีบรัดบริเวณกลางหน้าอก อาจร้าวไปที่ไหล่ซ้าย แขนซ้าย กราม หรือหลัง มักเกิดขึ้นขณะออกแรงหรือมีความเครียด และอาการจะดีขึ้นเมื่อพักผ่อน
นอกเหนือจากอาการเจ็บหน้าอกแล้ว อาการอื่นๆ ที่อาจบ่งบอกถึงโรคหัวใจ ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจถี่ ใจสั่น บวมตามขา เท้า หรือข้อเท้า วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้ อาเจียน และเหงื่อออกมากผิดปกติ
สรุป
อาการเจ็บหน้าอกอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง โดยเฉพาะโรคหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หากมีอาการแน่นหน้าอก แผ่ไปแขน คอ หรือมีอาการร่วม เช่น หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย หรือเวียนศีรษะ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ข่าวดีคือ…ผู้ป่วยหลายกลุ่มสามารถเข้ารับการรักษาได้ ฟรี ผ่านระบบสิทธิสุขภาพที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น:
สิทธิประกันสังคม รักษาโรคหัวใจ ที่ครอบคลุมการตรวจและรักษาโรคหัวใจหลายประเภท
สิทธิบัตรทองรักษากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
อย่ารอให้สายเกินไป การรับรู้และเข้าใจอาการของตัวเองคือก้าวแรกของการดูแลหัวใจให้แข็งแรง เริ่มต้นตรวจเช็กสิทธิของคุณ และปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัย เพื่อสุขภาพที่มั่นใจและปลอดภัยในระยะยาว
อ้างอิง
- https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/21209-chest-pain
- https://www.nhs.uk/conditions/chest-pain/
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chest-pain/symptoms-causes/syc-20370838
- https://www.heart.org/en/health-topics/heart-attack/angina-chest-pain
- https://medlineplus.gov/ency/article/003079.htm