สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์
ทีมงาน The Medicative | ติดต่อเรา
สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์

คำแนะนำ: เริ่มค้นหาด้วยคำง่าย ๆ เช่น 

สิทธิบัตรทอง

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด: อาการ สาเหตุ การรักษา

Share
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

ลองจินตนาการว่าหัวใจของเราทำงานเหมือนเครื่องยนต์ที่ต้องสูบฉีดเลือดตลอดเวลา หากเครื่องยนต์ขาดเชื้อเพลิงหรืออากาศ อาจเกิดปัญหาทำให้เครื่องดับได้ เช่นเดียวกัน หัวใจของเราก็ต้องการออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ เพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจเกิดการอุดตันหรือแคบลง จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก นำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด” (myocardial ischemia) ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

The Medicative เข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพหัวใจ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดให้มากขึ้น ทั้งสาเหตุ อาการ วิธีวินิจฉัย และแนวทางการรักษา รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้โรคนี้เกิดขึ้น เพื่อให้คุณสามารถดูแลหัวใจของตัวเองและคนที่คุณรักได้อย่างมั่นใจ อย่าปล่อยให้หัวใจของคุณต้องเผชิญความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว มาเรียนรู้และปกป้องหัวใจของคุณตั้งแต่วันนี้

ไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (myocardial ischemia) คืออะไร?

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด คือภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดลดลงหรือถูกขัดขวาง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่ และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวาย (heart attack) หรือหัวใจล้มเหลว (heart failure) ได้

สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

ภาวะนี้เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งอาจมีสาเหตุหลักดังนี้

  • หลอดเลือดแข็งตัว (atherosclerosis)

เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมของไขมัน คอเลสเตอรอล และสารอื่น ๆ บนผนังหลอดเลือดหัวใจ ก่อให้เกิด “คราบพลัค” (plaque) ที่ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง เลือดจึงไหลผ่านได้ยากขึ้น

  • การเกิดลิ่มเลือด (blood clot)

เมื่อคราบพลัคที่สะสมในหลอดเลือดหัวใจแตกออก ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมด้วยการสร้างลิ่มเลือดขึ้นมา ซึ่งอาจไปอุดตันหลอดเลือดหัวใจได้อย่างฉับพลัน ทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

  • การหดเกร็งของหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery spasm)

เป็นภาวะที่หลอดเลือดหัวใจหดตัวอย่างรุนแรงและกะทันหัน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้ แม้ไม่มีการอุดตันจากคราบพลัค โดยมักเกิดขึ้นในขณะพักผ่อนหรือขณะนอนหลับ

อาการที่พบได้บ่อย

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดสามารถมีอาการหลากหลาย บางรายอาจไม่มีอาการชัดเจน (silent ischemia) แต่สำหรับผู้ที่มีอาการ มักพบว่ามีอาการเหล่านี้

  • เจ็บแน่นหน้าอก (angina pectoris): รู้สึกเจ็บ จุก หรือแน่นหน้าอก โดยอาจร้าวไปยังแขน ไหล่ คอ หรือกราม อาการมักเกิดขึ้นเมื่อออกแรงหรือเครียด และดีขึ้นเมื่อพัก
  • หายใจลำบาก (shortness of breath): หายใจไม่เต็มปอดหรือรู้สึกเหนื่อยง่าย
  • เหงื่อออกผิดปกติ (excessive sweating): โดยเฉพาะเมื่อไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน เช่น อากาศร้อนหรือออกกำลังกาย
  • คลื่นไส้ อาเจียน: โดยเฉพาะในผู้หญิง อาการคลื่นไส้และอาเจียนอาจเป็นสัญญาณเตือนของหัวใจขาดเลือด
  • อ่อนเพลียและเวียนศีรษะ: อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสมองได้รับเลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอ

อาการอันตรายที่ต้องไปพบแพทย์ทันที

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที หรือโทรฉุกเฉิน 1669 เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวาย

1. เจ็บแน่นหน้าอกแบบรุนแรงและกะทันหัน

      • รู้สึกแน่น อึดอัด กดทับ หรือเจ็บแปลบที่กลางหน้าอก

      • อาการเจ็บอาจร้าวไปที่แขนซ้าย ไหล่ คอ กราม หรือหลัง

      • อาจเกิดขึ้นขณะพักผ่อนหรือออกแรงเพียงเล็กน้อย

2. หายใจลำบาก หรือหายใจไม่อิ่ม

      • หายใจติดขัดแม้อยู่ในท่านั่งหรือนอนเฉย ๆ

      • รู้สึกเหมือนขาดอากาศหรือหายใจเข้าไม่สุด

      • อาจเกิดร่วมกับอาการแน่นหน้าอกหรือเวียนศีรษะ

3. เหงื่อออกมากผิดปกติ

      • เหงื่อออกเย็น ๆ โดยเฉพาะที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือใบหน้า

      • ออกเหงื่อแม้ไม่ได้ทำกิจกรรมหนัก หรืออยู่ในอากาศเย็น

4. เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือใกล้เป็นลม

      • รู้สึกโคลงเคลง มึนงง หรือหมดแรงอย่างฉับพลัน

      • อาจรู้สึกเหมือนจะเป็นลมหรือหมดสติ

5. คลื่นไส้ อาเจียน หรือแน่นท้องผิดปกติ

      • คลื่นไส้โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน

      • อาเจียนหรือแน่นท้องร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก

6. หัวใจเต้นเร็วหรือไม่เป็นจังหวะ (ใจสั่นผิดปกติ)

      • หัวใจเต้นรัว เร็ว หรือขาดจังหวะปกติ

      • อาจมีอาการแน่นหน้าอก วิงเวียน หรือหมดแรงร่วมด้วย

ควรทำอย่างไรเมื่อพบผู้ที่กำลังมีอาการอันตราย?

หากสงสัยว่าเป็นภาวะหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวาย

  1. ให้หยุดทำกิจกรรมทันที และนั่งพักในที่เย็นหรืออากาศถ่ายเทสะดวก

  2. โทร 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาล

  3. หลีกเลี่ยงให้ผู้ป่วยเดินทางไปโรงพยาบาลเอง เพราะอาจเกิดอาการรุนแรงระหว่างทาง

  4. หากหมดสติและไม่หายใจ ให้ทำ CPR ทันที!

ปัจจัยเสี่ยงของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

มีปัจจัยหลายอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ได้แก่

  • โรคเบาหวาน: น้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานอาจทำให้หลอดเลือดเสียหาย
  • ความดันโลหิตสูง: ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น และส่งผลให้หลอดเลือดแข็งตัว
  • ระดับไขมันในเลือดสูง: โดยเฉพาะคอเลสเตอรอลชนิด LDL (ไขมันเลว) ที่ทำให้หลอดเลือดอุดตัน
  • การสูบบุหรี่: นิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดตัวและเพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือด
  • ขาดการออกกำลังกาย: ทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้ดี
  • ความเครียด: อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะหลอดเลือดหดเกร็ง และทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น
  • กรรมพันธุ์: หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ความเสี่ยงของคุณก็จะเพิ่มขึ้น

การวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

แพทย์จะใช้การตรวจหลายวิธีเพื่อประเมินภาวะนี้ เช่น

  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram – ECG): ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจเพื่อดูความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ
  • การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram): ใช้คลื่นเสียงเพื่อตรวจสอบโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ
  • การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (stress test): ตรวจวัดการทำงานของหัวใจในขณะที่ร่างกายเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย
  • การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (coronary angiography): ใช้สารทึบรังสีฉีดเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อดูการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดหัวใจ

การรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

การรักษาขึ้นอยู่กับอาการ ความรุนแรง และปัจจัยด้านสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย

1. การใช้ยา

แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา เช่น

  • ยาต้านเกล็ดเลือด (aspirin, clopidogrel): ป้องกันไม่ให้ลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด

  • ยาลดความดันโลหิต (beta-blockers, ACE inhibitors): ช่วยลดภาระการทำงานของหัวใจ

  • ยาลดไขมัน (statins): ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดตีบ

2. การทำหัตถการทางการแพทย์

  • การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (percutaneous coronary intervention – PCI): เป็นการสอดสายสวนเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจแล้วใช้บอลลูนขยายบริเวณที่ตีบ พร้อมใส่ขดลวด (stent) เพื่อป้องกันการอุดตันซ้ำ

  • การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery bypass grafting – CABG): ผ่าตัดเปลี่ยนเส้นทางไหลเวียนของเลือดโดยใช้หลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกาย

การป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

คุณสามารถลดความเสี่ยงของภาวะนี้ได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น

  • เลิกสูบบุหรี่: การเลิกบุหรี่ช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจได้อย่างมาก
  • รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
  • ควบคุมน้ำหนัก: ลดการสะสมของไขมันในร่างกายที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
  • จัดการความเครียด: การทำสมาธิ โยคะ หรือการออกกำลังกายช่วยลดระดับความเครียดได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

  1. อาการของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดต่างจากโรคหัวใจวายอย่างไร?
      • ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ แต่หัวใจวายเป็นภาวะเฉียบพลันที่ต้องรีบรักษา
  1. ผู้หญิงมีอาการของโรคหัวใจเหมือนผู้ชายหรือไม่?
      • ผู้หญิงมักมีอาการที่ไม่ชัดเจน เช่น เหนื่อยล้า วิงเวียน หรือคลื่นไส้ มากกว่าการเจ็บหน้าอก
  1. การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนเจ็บไหม?
      • ผู้ป่วยมักได้รับยาชาเฉพาะที่และไม่รู้สึกเจ็บขณะทำหัตถการ

สรุป

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นภาวะที่เกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงหัวใจลดลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายหรือหัวใจล้มเหลวได้

การป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหารที่ดีต่อหัวใจ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ และการจัดการความเครียด หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงหรืออาการที่สงสัยว่ามีภาวะนี้ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ

หากพบอาการรุนแรง เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหงื่อออกมากผิดปกติ หรือเวียนศีรษะ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะการรักษาอย่างทันท่วงทีสามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สำหรับผู้ที่มองหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและแนวทางการรักษาโรคต่าง ๆ สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ The Medicative แหล่งรวมความรู้ด้านสุขภาพที่ครอบคลุม พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิ์การรักษา เพื่อให้คุณเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างมั่นใจ

อ้างอิง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Latest Posts

การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram) เป็นวิธีที่ปลอดภัยและแม่นยำในการประเมินโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว หรือภาวะหัวใจโต โดยไม่ต้องใช้รังสีหรือผ่าตัด หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่เหมาะสม
โรคลิ้นหัวใจส่งผลต่อหัวใจและคุณภาพชีวิต หากปล่อยไว้ อาจทำให้หัวใจล้มเหลว อาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือแน่นหน้าอกจะมากขึ้นเมื่อโรครุนแรงขึ้น การรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยา ซ่อมหรือเปลี่ยนลิ้น การดูแลสุขภาพและตรวจหัวใจเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้

Subscribe and Follow

หมวดหมู่ สุขภาพหัวใจ

ประเภทและอาการ
การวินิจฉัยและการรักษา
เรียนรู้การอยู่กับโรคหัวใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า