สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์
ทีมงาน The Medicative | ติดต่อเรา
สื่อสารเรื่องราวสุขภาพในแบบที่สร้างสรรค์

คำแนะนำ: เริ่มค้นหาด้วยคำง่าย ๆ เช่น 

สิทธิบัตรทอง

อาการหน้ามืด: เกิดจากโรคอะไรได้บ้าง?

Share
หน้ามืด

อาการหน้ามืดเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์รู้สึกเวียนศีรษะ ตาพร่า หรือเหมือนจะเป็นลมเมื่อเปลี่ยนท่าทางเร็วเกินไป อาการนี้บางครั้งอาจเป็นเพียงปฏิกิริยาชั่วคราวของร่างกายจากความเหนื่อยล้า ความเครียด หรือภาวะขาดน้ำ แต่ในบางกรณี อาการหน้ามืดอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจ หรือระบบประสาทที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัย

แม้ว่าหลายคนจะมองว่าอาการหน้ามืดเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยและสามารถหายได้เอง แต่การเกิดอาการนี้บ่อยครั้งอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังส่งคำเตือนเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ Medicative จะพาคุณไปสำรวจทุกแง่มุมของอาการหน้ามืด ตั้งแต่สาเหตุที่เป็นไปได้ อาการที่ควรสังเกต วิธีรับมืออย่างถูกต้อง รวมถึงแนวทางป้องกัน เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองและลดความเสี่ยงจากภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ

อาการหน้ามืดคืออะไร?

อาการหน้ามืด (presyncope) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อสมองได้รับเลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกวิงเวียน ตาลาย รู้สึกโคลงเคลง หรือเหมือนจะหมดสติ อาการนี้อาจเกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หรืออาจนำไปสู่การเป็นลมหมดสติได้ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและสาเหตุที่เป็นปัจจัยกระตุ้น

ลักษณะของอาการหน้ามืด

อาการหน้ามืดอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยมีลักษณะทั่วไปดังนี้

  • รู้สึกวิงเวียนศีรษะ หรือศีรษะเบาหวิว
  • ตามัว หรือมองเห็นภาพพร่ามัว
  • หูอื้อ หรือได้ยินเสียงในหูผิดปกติ
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่ร้อน
  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงผิดปกติ
  • อ่อนแรง หรือรู้สึกเหมือนร่างกายไม่สามารถทรงตัวได้
  • คลื่นไส้ หรือรู้สึกเหมือนจะอาเจียน
  • รู้สึกเหมือนกำลังจะหมดสติ แต่ยังคงรู้สึกตัวอยู่

อีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดคือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้การบีบตัวของหัวใจลดลง และเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ

อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นชั่วครู่ และอาจดีขึ้นเองหลังจากได้พัก แต่ในบางกรณี อาการหน้ามืดอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ หรือโรคทางสมอง

หน้ามืดกับเวียนศีรษะแตกต่างกันอย่างไร?

แม้อาการหน้ามืดและเวียนศีรษะจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญ ได้แก่

  • หน้ามืด (presyncope): รู้สึกเหมือนจะเป็นลมหรือหมดสติ ซึ่งมักเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองไม่เพียงพอ
  • เวียนศีรษะ (dizziness): รู้สึกหมุนหรือเสียสมดุล อาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับหูชั้นใน ความเครียด หรือโรคอื่น ๆ
  • อาการบ้านหมุน (vertigo): รู้สึกเหมือนโลกหมุนหรือโคลงเคลง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับโรคของหูชั้นใน เช่น โรคหินปูนในหูหลุด (คนทั่วไปมักเรียกโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน)

สาเหตุของอาการหน้ามืด

1. การเปลี่ยนแปลงของระบบไหลเวียนโลหิต

  • ลุกขึ้นเร็วเกินไป (orthostatic hypotension) ทำให้ความดันโลหิตลดลงชั่วคราว
  • ความดันโลหิตต่ำเรื้อรัง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ

2. ภาวะขาดสารอาหารและน้ำ

  • การอดอาหาร หรือขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม
  • ภาวะขาดน้ำจากการดื่มน้ำน้อย หรือเสียเหงื่อมากเกินไป

3. โรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง

  • โรคเบาหวาน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • โรคโลหิตจาง ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
  • โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว

4. ปัจจัยจากสภาพแวดล้อมและพฤติกรรม

  • อากาศร้อนจัด ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่
  • การออกกำลังกายหนักเกินไป ทำให้ความดันเลือดลดลง
  • ความเครียดหรือความวิตกกังวล ทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยอาการหน้ามืด

อาการหน้ามืดอันตรายหรือไม่?

โดยทั่วไป อาการหน้ามืดที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเหนื่อยล้า อากาศร้อน หรือการเปลี่ยนท่าทางเร็วเกินไป มักไม่เป็นอันตราย และสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม หากอาการเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หรือมีอาการรุนแรง เช่น หมดสติเป็นเวลานาน เจ็บหน้าอก หรือแขนขาอ่อนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง

หากมีอาการหน้ามืดร่วมกับแน่นหน้าอก หรือหมดสติ ควรรีบเข้ารับการรักษาทันที โดยสามารถใช้ สิทธิ UCEP ซึ่งครอบคลุมการรักษาฉุกเฉินโดยไม่ต้องสำรองจ่าย

อาการที่ควรสังเกต

อาการหน้ามืดสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และบางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแล การสังเกตอาการร่วมที่เกิดขึ้นสามารถช่วยให้เข้าใจต้นเหตุของอาการได้ดีขึ้นและช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงหรือหมดสติ

อาการเตือนที่มักเกิดก่อนหน้ามืด

ก่อนที่อาการหน้ามืดจะเกิดขึ้น บางคนอาจมีอาการเตือนล่วงหน้า ซึ่งสามารถช่วยให้เราป้องกันการเป็นลมหรือหมดสติได้ เช่น

  • เวียนศีรษะหรือศีรษะเบาหวิว รู้สึกเหมือนกำลังเสียสมดุลหรือร่างกายลอยตัว
  • ตาพร่า หรือเห็นภาพไม่ชัด อาจมองเห็นเป็นภาพเบลอ เห็นจุดดำ หรือมีแสงวูบวาบ
  • หูอื้อ หรือมีเสียงดังในหู อาจรู้สึกว่าหูอื้อหรือได้ยินเสียงคล้ายหวีดแหลม
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ แม้อากาศจะไม่ร้อน แต่ร่างกายขับเหงื่อออกมากกว่าปกติ
  • รู้สึกตัวเย็น หรือมีอาการหนาวสั่น ร่างกายอาจตอบสนองด้วยภาวะหนาวสั่นหรือซีดเซียว
  • คลื่นไส้ หรือรู้สึกเหมือนจะอาเจียน

อาการขณะเกิดภาวะหน้ามืด

เมื่อเกิดอาการหน้ามืดแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • เสียการทรงตัวหรือเดินเซ รู้สึกเหมือนร่างกายไม่มั่นคง อาจเดินโคลงเคลงหรือเซล้ม
  • อ่อนแรง หรือไม่มีแรงในแขนขา บางคนอาจรู้สึกเหมือนขาอ่อนแรง ไม่สามารถพยุงตัวได้
  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรือใจสั่น อาจรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ
  • ความรู้สึกเหมือนจะหมดสติ อาจรู้สึกว่ากำลังจะหมดสติแต่ยังสามารถรับรู้สิ่งรอบตัวได้

อาการรุนแรงที่ต้องพบแพทย์ทันที

หากอาการหน้ามืดเกิดร่วมกับอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือความผิดปกติของระบบประสาท

  • หมดสติเป็นเวลานาน หากหมดสติเป็นเวลานานกว่า 1-2 นาที หรือหมดสติซ้ำ ๆ ควรรีบไปโรงพยาบาล
  • เจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจขาดเลือดหรือโรคหัวใจอื่น ๆ
  • แขนขาอ่อนแรง หรือชาครึ่งซีก อาจเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง
  • พูดไม่ชัด หรือพูดแล้วลิ้นแข็ง อาจเกิดจากความผิดปกติของสมองหรือเส้นเลือดในสมองตีบ
  • หายใจลำบาก หรือหายใจเร็วผิดปกติ อาจเกิดจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
  • มีอาการชัก หรือกระตุกผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะทางสมองที่รุนแรง

อาการที่เกิดซ้ำบ่อย ๆ ควรได้รับการตรวจวินิจฉัย

หากอาการหน้ามืดเกิดขึ้นซ้ำ ๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีอาการรุนแรง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น

  • หน้ามืดทุกครั้งที่ลุกขึ้นหรือเปลี่ยนท่าทาง
  • เกิดอาการหน้ามืดหลังออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง
  • มีอาการหน้ามืดเมื่ออยู่ในที่แออัดหรืออากาศร้อน
  • รู้สึกหน้ามืดหลังรับประทานยาบางชนิด

ผู้ที่มีอาการหน้ามืดจากโรคหัวใจ เช่น หัวใจเต้นช้า หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถเข้ารับการรักษาได้ฟรีผ่าน สิทธิประกันสังคม ในโรงพยาบาลตามสิทธิ

แนวทางการตรวจวินิจฉัยอาการหน้ามืด

หากมีอาการหน้ามืดบ่อยครั้งหรือเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน แพทย์อาจทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม โดยใช้วิธีการต่อไปนี้

  1. การตรวจร่างกายทั่วไป
    • วัดความดันโลหิตทั้งในท่านอน นั่ง และยืน เพื่อตรวจหาภาวะความดันโลหิตต่ำ
    • ตรวจดูอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือภาวะโลหิตจาง
  2. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG/EKG)
  3. การตรวจเลือด
    • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อดูว่ามีภาวะน้ำตาลต่ำหรือสูงเกินไปหรือไม่
    • ตรวจระดับฮีโมโกลบินและธาตุเหล็ก เพื่อตรวจหาโลหิตจาง
  4. การตรวจหัวใจด้วยเครื่อง holter monitor
    • เป็นอุปกรณ์ที่ติดไว้กับตัวผู้ป่วยเพื่อตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24-48 ชั่วโมง
  5. การตรวจเอ็กซเรย์ หรือ MRI สมอง
    • ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีภาวะที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น หลอดเลือดสมองตีบ หรือภาวะที่ส่งผลต่อระบบประสาท
  6. การทดสอบ tilt table test
    • ใช้เพื่อตรวจว่าผู้ป่วยมีอาการหน้ามืดที่เกิดจากระบบไหลเวียนโลหิตหรือระบบประสาทผิดปกติหรือไม่
  7. การตรวจ echocardiogram

    • เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อตรวจดูโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ

การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อมีอาการหน้ามืด

  1. นั่งหรือนอนราบทันที และยกขาสูงขึ้นเล็กน้อย
  2. หายใจลึก ๆ และช้า ๆ เพื่อลดความเครียดและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
  3. ดื่มน้ำเปล่า หากสงสัยว่าเกิดจากภาวะขาดน้ำ
  4. เลี่ยงการลุกขึ้นเร็วเกินไป เมื่ออาการดีขึ้น ควรลุกขึ้นช้า ๆ
  5. หากหมดสติ ควรเรียกรถพยาบาลทันที

การป้องกันอาการหน้ามืด

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงภาวะขาดน้ำ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีธาตุเหล็กและแมกนีเซียม
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างระบบไหลเวียนโลหิต
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนจัด หรือสภาพแวดล้อมที่อากาศอับ
  • ลุกขึ้นจากท่านั่งหรือนอนอย่างช้า ๆ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการหน้ามืด

1. หน้ามืดตอนลุกขึ้นเร็วเกิดจากอะไร?

เกิดจากภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่าทาง (orthostatic hypotension)

2. หน้ามืดหลังออกกำลังกายเป็นอันตรายไหม?

อาจเกิดจากภาวะขาดน้ำหรือความดันโลหิตต่ำ ควรพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ

3. อาการหน้ามืดที่ควรไปพบแพทย์คือแบบไหน?

ควรพบแพทย์หากมีอาการบ่อยครั้ง หรือเกิดร่วมกับอาการรุนแรง เช่น เจ็บหน้าอก หรือหมดสติ

4. หน้ามืดจากความเครียดสามารถป้องกันได้ไหม?

สามารถป้องกันได้โดยการฝึกเทคนิคผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจลึกๆ หรือการทำสมาธิ

สรุป

อาการหน้ามืดเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวันและอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ความเหนื่อยล้า ความดันโลหิตต่ำ ไปจนถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิตและสมอง แม้ว่าอาการนี้ส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตราย แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือมีอาการรุนแรง เช่น หมดสติ เจ็บหน้าอก หรือแขนขาอ่อนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

การป้องกันอาการหน้ามืดสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพให้ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และลุกขึ้นจากท่านั่งหรือนอนอย่างช้าๆ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการหน้ามืดเป็นประจำ ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพเพื่อหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

สำหรับผู้ที่มองหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและความรู้เกี่ยวกับโรคต่าง ๆ สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Medicative ซึ่งมีข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพรวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิ์รักษาพยาบาล เพื่อช่วยให้คุณมีความเข้าใจและมีข้อมูลสำหรับการดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น

อ้างอิง

dr-heart

แพทย์ผู้เขียนบทความ

นพ. พลกฤษณ์ ​เชี่ยววิทย์
อายุรศาสตร์หัวใจและหลอดเลือด

บทความที่เกี่ยวข้อง

Latest Posts

การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram) เป็นวิธีที่ปลอดภัยและแม่นยำในการประเมินโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว หรือภาวะหัวใจโต โดยไม่ต้องใช้รังสีหรือผ่าตัด หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่เหมาะสม
โรคลิ้นหัวใจส่งผลต่อหัวใจและคุณภาพชีวิต หากปล่อยไว้ อาจทำให้หัวใจล้มเหลว อาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือแน่นหน้าอกจะมากขึ้นเมื่อโรครุนแรงขึ้น การรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยา ซ่อมหรือเปลี่ยนลิ้น การดูแลสุขภาพและตรวจหัวใจเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้

Subscribe and Follow

หมวดหมู่ สุขภาพหัวใจ

ประเภทและอาการ
การวินิจฉัยและการรักษา
เรียนรู้การอยู่กับโรคหัวใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า