เคยไหม? อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ที่หน้าอก คล้ายถูกเข็มแหลมแทง หรือรู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตแปลบผ่านไปชั่ววินาที บางครั้งก็เกิดขึ้นเพียงแป๊บเดียวแล้วหายไปเอง จนคุณคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรอันตราย แต่ในบางครั้ง อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ก็สร้างความวิตกกังวลให้กับหลายคน เพราะอาจเคยได้ยินมาว่า “อาการเจ็บหน้าอก” เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจที่ร้ายแรง
แล้วอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณนั้นอันตรายจริงหรือไม่? บทความนี้จาก The Medicative จะช่วยไขข้อสงสัยของคุณให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยจะพาคุณไปสำรวจตั้งแต่สาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ว่าแท้จริงแล้วมีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง อาการแบบไหนที่เข้าข่ายน่าเป็นห่วง และควรรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งวิธีสังเกตตัวเองเบื้องต้นว่าอาการแบบไหนบ่งบอกถึงความเสี่ยงของโรคหัวใจ และแบบไหนที่เป็นเพียงอาการทั่วไปที่ไม่ร้ายแรง เพราะเราเชื่อว่า “การรู้เร็ว ย่อมช่วยให้คุณปลอดภัยกว่าเสมอ”
ไปยังหัวข้อที่คุณสนใจ
เจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ คืออะไร
อาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ เป็นอาการเจ็บแปลบ คล้ายมีของแหลมแทง หรือเหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหายไปเองในไม่กี่วินาที หรือบางครั้งอาจเป็นซ้ำ ๆ และรุนแรงขึ้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง
อาการนี้อาจเกิดขึ้นบริเวณหน้าอกด้านซ้าย ขวา หรือกลางหน้าอก บางกรณีอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก เวียนศีรษะ หรืออ่อนเพลีย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องได้รับการรักษาทันที
สาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ
อาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ อาจเกิดจากสาเหตุที่หลากหลาย ตั้งแต่ภาวะที่ไม่ร้ายแรงไปจนถึงโรคที่อันตราย หากรู้จักแยกแยะสาเหตุเบื้องต้นได้ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรดูแลตัวเองอย่างไร หรือควรรีบไปพบแพทย์
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ
- โรคหัวใจขาดเลือด (ischemic heart disease) เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ อาการเจ็บหน้าอกมักเกิดขึ้นขณะออกแรงหรือเครียด และอาจเจ็บร้าวไปที่แขนซ้าย คอ หรือกราม
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia) หัวใจเต้นผิดปกติอาจทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก หรือเจ็บจี๊ด ๆ เป็นช่วง ๆ
- เยื่อบุหัวใจอักเสบ (pericarditis) การติดเชื้อหรืออักเสบของเยื่อบุหัวใจ อาจทำให้เจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ร่วมกับอาการไข้ หรืออ่อนเพลีย
- ลิ้นหัวใจผิดปกติ ทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร
- โรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease – GERD) กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกและอาจเจ็บจี๊ด ๆ ได้ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารหรือเมื่อนอนราบ
- แผลในกระเพาะอาหาร อาการเจ็บมักเกิดขึ้นเมื่อกระเพาะอาหารว่าง และอาจสัมพันธ์กับอาการปวดลิ้นปี่
- โรคนิ่วในถุงน้ำดี อาจทำให้เจ็บจี๊ด ๆ บริเวณใต้ซี่โครงขวาและลามมาที่หน้าอก
นอกจากโรคหลอดเลือดหัวใจแล้ว อาการเจ็บหน้าอกยังอาจเกิดจาก ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากมีไข้ เหนื่อยง่าย หรือใจสั่นร่วมด้วย
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับปอด
- เยื่อหุ้มปอดอักเสบ (pleuritis) ทำให้เกิดอาการเจ็บจี๊ด ๆ เวลาไอหรือหายใจลึก ๆ
- ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (pulmonary embolism) เป็นภาวะอันตรายที่ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ อย่างรุนแรง หายใจลำบาก และอาจหมดสติได้
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและกล้ามเนื้อ
- กล้ามเนื้อหรือกระดูกอักเสบ เกิดจากการออกกำลังกายหนัก ยกของผิดท่า หรือได้รับบาดเจ็บ
- โรคงูสวัด ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าอกก่อนที่ผื่นจะขึ้น
สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับจิตใจและระบบประสาท
- ภาวะตื่นตระหนก (panic attack) อาจทำให้รู้สึกเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
- ความเครียดและวิตกกังวล อาจส่งผลให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกเนื่องจากกล้ามเนื้อตึงตัว
เจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ เสี่ยงเป็นโรคหัวใจมั้ย?
อาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจหรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ร้ายแรง ทั้งนี้ความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ลักษณะของอาการ ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ และอาการร่วมที่เกิดขึ้น
ปัจจัยที่ช่วยประเมินว่าเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ เสี่ยงเป็นโรคหัวใจหรือไม่
1. ลักษณะของอาการเจ็บหน้าอก
- เสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง
- อาการเจ็บแน่นเหมือนถูกกดทับ
- เจ็บหน้าอกเป็นเวลานานกว่า 10-15 นาที
- เจ็บหน้าอกร้าวไปที่แขนซ้าย คอ กราม หรือหลัง
- เจ็บหน้าอกขณะออกแรง หรือมีความเครียด
- เจ็บหน้าอกพร้อมกับรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
- มีแนวโน้มไม่ใช่โรคหัวใจ
- เจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ เป็นจุด ๆ และใช้ปลายนิ้วชี้จุดเจ็บได้
- อาการเจ็บหน้าอกเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อขยับตัว หายใจลึก หรือกดบริเวณหน้าอก
- อาการหายไปเองภายในไม่กี่วินาที
- เจ็บหน้าอกเฉพาะเวลานั่งหรือนอนในบางท่า
- เจ็บหน้าอกหลังรับประทานอาหาร มักสัมพันธ์กับอาการแสบร้อนกลางอก (กรดไหลย้อน)
หากคุณไม่แน่ใจว่าอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับหัวใจหรือไม่ สามารถลอง เช็กอาการของโรคหัวใจ เบื้องต้นเพื่อช่วยประเมินความเสี่ยง
2. ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ
หากมีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคหัวใจ
- อายุมากกว่า 40 ปี (โดยเฉพาะเพศชาย) หรืออายุมากกว่า 50 ปีในเพศหญิง
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
- มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
- สูบบุหรี่เป็นประจำ
- มีน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วน
- ไม่ออกกำลังกายหรือใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่งเป็นส่วนใหญ่
- เครียดเรื้อรังหรือมีภาวะซึมเศร้า
3. อาการร่วมที่ต้องเฝ้าระวัง
หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ แม้ทำกิจกรรมเบา ๆ
- หายใจลำบาก หรือรู้สึกเหมือนหายใจไม่สุด
- เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือหมดสติ
- เหงื่อออกเย็นผิดปกติ
- คลื่นไส้ อาเจียน หรือรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก
อาการที่ต้องระวังและควรไปพบแพทย์ทันที
หากมีอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ร่วมกับอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะฉุกเฉิน เช่น โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
- เจ็บหน้าอกนานเกิน 10-15 นาที
- อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่หายไปเอง หรือเป็น ๆ หาย ๆ ซ้ำ ๆ
- อาจเป็นสัญญาณของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะหากเกิดขณะออกแรงหรือมีความเครียด
- อาการเจ็บร้าวไปที่ส่วนอื่นของร่างกาย
- เจ็บร้าวไปที่แขนซ้าย ขวา คอ กราม หรือแผ่นหลัง
- อาจเป็นสัญญาณของภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือหัวใจวาย
- หายใจลำบากหรือรู้สึกแน่นหน้าอก
- หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรือรู้สึกขาดอากาศ
- อาจเกิดจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด หรือภาวะหัวใจล้มเหลว
- เหงื่อออกมากผิดปกติ หรือหน้ามืด
- เหงื่อออกเย็น วิงเวียนศีรษะ รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
- อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
- คลื่นไส้ อาเจียน หรืออ่อนเพลียผิดปกติ
- อาจพบร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะในผู้หญิงหรือผู้สูงอายุ
- อาจเป็นอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือหัวใจวาย
- อาการเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและรุนแรง
- อาจเกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในปอด หรือหลอดเลือดแดงใหญ่แตก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตรายถึงชีวิต
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน หรือโทรแจ้งบริการฉุกเฉิน และสามารถเข้ารับการรักษาทันที โดยใช้ สิทธิ UCEP ได้ แบบไม่ต้องสำรองจ่าย
แนวทางการวินิจฉัย
หากคุณมีอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยใช้วิธีการต่าง ๆ ดังนี้
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย
- แพทย์จะสอบถามลักษณะของอาการ เช่น
- เจ็บแบบจี๊ด ๆ หรือแน่นหน้าอก
- อาการเกิดขึ้นเมื่อใด และเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน
- มีอาการอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น หายใจลำบาก เวียนศีรษะ หรือเหงื่อออกมาก
- ตรวจร่างกายเพื่อประเมินสัญญาณชีพ เช่น ความดันโลหิต ชีพจร และอัตราการหายใจ
- แพทย์จะสอบถามลักษณะของอาการ เช่น
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram – ECG)
- ใช้เพื่อตรวจสอบจังหวะการเต้นของหัวใจ และดูว่ามีภาวะหัวใจขาดเลือดหรือไม่
- สามารถบ่งชี้ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้
- การตรวจเลือด
- ตรวจเอนไซม์ที่บ่งชี้การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น troponin ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ตรวจระดับ D-dimer หากสงสัยว่ามีลิ่มเลือดอุดตันในปอด
- การตรวจเอกซเรย์ทรวงอก (chest X-ray)
- ใช้ตรวจปอดและหัวใจ เพื่อดูว่ามีภาวะผิดปกติ เช่น ภาวะน้ำท่วมปอด เยื่อหุ้มปอดอักเสบ หรือหัวใจโต
- การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram – ECHO)
- ใช้ดูโครงสร้างของหัวใจและการทำงานของลิ้นหัวใจ
- สามารถช่วยวินิจฉัยภาวะหัวใจล้มเหลว หรือโรคของกล้ามเนื้อหัวใจ
- การตรวจ CT scan หรือ MRI
- ใช้ในกรณีที่สงสัยภาวะที่ร้ายแรง เช่น หลอดเลือดแดงใหญ่แตก หรือภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
แนวทางการรักษา
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ โดยแพทย์อาจเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
- การรักษาโรคหัวใจ
- ใช้ยา เช่น
- ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาต้านเกล็ดเลือด เพื่อลดการอุดตันของหลอดเลือด
- ยาขยายหลอดเลือด (nitrate) เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
- ยาลดความดันโลหิต หรือยาควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ
- การทำบอลลูนขยายหลอดเลือด หรือการผ่าตัดบายพาสหัวใจ ในกรณีที่มีการตีบของหลอดเลือดหัวใจ
- ใช้ยา เช่น
- การรักษาโรคกรดไหลย้อน
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
- หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด ไขมันสูง และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- ไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
- ใช้ยาลดกรด หรือยาที่ช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
- การรักษาอาการกล้ามเนื้ออักเสบ หรืออาการจากกระดูก
- ใช้ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ (NSAIDs) เช่น ibuprofen หรือ naproxen
- พักผ่อน หลีกเลี่ยงการใช้งานหนัก และทำกายภาพบำบัด
- การรักษาปัญหาทางจิตใจ
- ใช้วิธีการทำจิตบำบัด (psychotherapy) เช่น CBT (cognitive behavioral therapy) เพื่อช่วยควบคุมความเครียด
- การใช้ยาในกรณีที่จำเป็น เช่น ยาคลายกังวล หรือยาต้านเศร้า
- การรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด
- ใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ในกรณีรุนแรง อาจต้องทำการผ่าตัดเอาลิ่มเลือดออก
การเข้าใจถึงอาการที่ต้องระวัง วิธีการวินิจฉัย และแนวทางการรักษา จะช่วยให้สามารถรับมือกับอาการเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ได้อย่างถูกต้อง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ
เจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ เป็นอันตรายไหม
- อาจเป็นได้ทั้งภาวะที่ไม่อันตรายและโรคร้ายแรง หากมีอาการอื่นร่วมด้วยควรพบแพทย์
หากอาการเจ็บจี๊ดที่หน้าอกเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและไม่หายเมื่อพัก อาจเกี่ยวข้องกับ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
เจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ ตอนออกกำลังกาย ควรทำอย่างไร
- หยุดพักทันที หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์
เจ็บหน้าอกจากกรดไหลย้อนต่างจากโรคหัวใจอย่างไร
- อาการจากกรดไหลย้อนมักเกิดหลังอาหารและแสบร้อน ในขณะที่โรคหัวใจมักเกิดขณะออกแรง
สรุป
เจ็บหน้าอกจี๊ด ๆ อาจเกิดจากสาเหตุไม่รุนแรง เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ หรือกรดไหลย้อน ไปจนถึงโรคหัวใจขาดเลือดและภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด หากมีอาการบ่อย หรือร่วมกับแน่นหน้าอก หายใจลำบาก เจ็บร้าวไปแขน คอ หรือกราม ควรรีบพบแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันสูง หรือสูบบุหรี่
สำหรับผู้มีสิทธิประกันสังคม การรักษาโรคหัวใจที่เป็นสาเหตุของอาการเหล่านี้ เช่น หลอดเลือดตีบ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถเข้ารับบริการได้ฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิ
ดูข้อมูลโรคและสิทธิรักษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ The Medicative เพื่อวางแผนดูแลหัวใจให้แข็งแรงอย่างมั่นใจ
อ้างอิง
- https://health.clevelandclinic.org/what-causes-a-sudden-sharp-pain-in-the-chest
- https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/cardiovascular-disease/heart-disease/chest-pain/
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/sharp-stabbing-pain-in-chest-that-comes-and-goes
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chest-pain/symptoms-causes/syc-20370838